แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมลักทรัพย์และใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญผู้เสียหาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษในข้อหาตาม ป.อ. มาตรา 392 มาด้วยเมื่อการกระทำตามมาตรา 392 มิใช่การกระทำอันรวมอยู่ในความผิดฐานชิงทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 392 ไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนและร่วมกันพกพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะ และร่วมกันใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์เอาบุหรี่และไฟแช็กของนายสุชาติ ดิลกภราดรผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,339 วรรคสอง, 340 ตรี, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มรตรา 13ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 คืนหรือใช้ราคาบุหรี่และไฟแช็กแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 จำคุก 3 ปี และจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 7 จำคุกคนละ 1 ปี กับจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 1 เดือน เรียงกระทงลงโทษ รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี1 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 1 เดือน ให้จำเลยที่ 1คืนหรือใช้ราคาบุหรี่และไฟแช็กแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพกพาอาวุธปืน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และฐานกระทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่นั้น…ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 จะกล้าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ลักเอาบุหรี่และไฟแช็กของผู้เสียหายไป และฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้พาอาวุธปืนไปจี้ขู่เช็ญผู้เสียหาย ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยนั้นเห็นว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำอันเป็นความผิดและมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งไม่ใช่การกระทำอันรวมอยู่ในความผิดฐานชิงทรัพย์ดังที่โจทก์ฎีกา จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานนี้ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.