คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 แล้วจำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 มาตรา 5 แล้วการที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตาม มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยื่นคำร้องต่อจำเลยขออนุญาตปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการแล้ว จำเลยไม่อนุญาตตามขอโดยอ้างว่าขัดต่อนโยบายกรมตำรวจ โจทก์จึงอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาจำเลยได้แจ้งต่อโจทก์ว่า หากโจทก์มีหนังสืออนุญาตตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรมฯ มาแสดง จำเลยก็พร้อมที่จะพิจารณาอนุญาต การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ก่อสร้างอาคารโรงแรม โดยให้จำเลยทั้งสองอนุญาตให้โจทก์ก่อสร้างอาคารได้ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย

จำเลยให้การว่ามิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะจำเลยต้องพิจารณาข้อกฎหมายอื่นประกอบด้วยและอาคารโจทก์ขัดต่อนโยบายกรมตำรวจ โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง

โจกท์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าแผนผังแบบก่อสร้างอาคารของโจทก์ถูกต้องตามหลักเกณฑ์พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารแล้ว จำเลยในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะต้องมีคำสั่งอนุญาต จะมีคำสั่งไม่อนุญาตไม่ได้นั้น เห็นว่า การจะออกคำสั่งอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารนั้น นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างฯ แล้ว จำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เฉพาะกรณีของโจทก์คำขอระบุชัดว่าขออนุญาตปลูกสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรม ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 ซึ่งคำขออนุญาตเปิดโรงแรมนั้น มาตรา 5 วรรคท้ายบัญญัติว่า”ถ้าโรงแรมยังไม่จัดสร้าง ให้ผู้ขออนุญาตยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมที่ประสงค์จะสร้างต่อนายทะเบียน เมื่อนายทะเบียนเห็นเป็นที่พอใจว่าไม่มีสิ่งใดขัดต่อความประสงค์แห่งมาตรา 6 ก็ให้นายทะเบียนอนุมัติให้จัดสร้างขึ้นได้ ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่จำเลยส่งเรื่องขออนุญาตปลูกสร้างอาคารโรงแรมของโจทก์ไปให้นายทะเบียนนั้นเป็นเรื่องภายในเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติระหว่างหน่วยราชการด้วยกัน แม้ในขณะชั้นแรกกองทะเบียนจะแจ้งไม่ขัดข้อง แต่ต่อมากรมตำรวจก็ได้แจ้งเพิ่มเติมว่ากรมตำรวจไม่มีนโยบายที่จะอนุญาตให้ตั้งโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก เว้นแต่โรงแรมชั้นหนึ่งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนี้ ไม่ว่าอาคารโรงแรมที่โจทก์ปลูกสร้างจะขัดต่อนโยบายของกรมตำรวจหรือไม่ก็ตาม ก็อาจเกิดปัญหาขัดแย้งก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยได้ การที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารตามขอ โดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างโรงแรมตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรมฯ เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้ ที่โจทก์ฎีกาว่ามีผู้ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารโรงแรม 2 รายมีขนาดและจำนวนห้องพักใกล้เคียงกับของโจทก์และขอในเวลาไล่เลี่ยกัน จำเลยก็อนุญาตให้ปลูกสร้างได้นั้น เห็นว่า การขออนุญาตปลูกสร้างอาคารโรงแรม 2 รายตามที่โจทก์อ้างจำเลยได้ส่งเรื่องให้กองทะเบียนพิจารณาเช่นกันแต่ไม่มีปัญหาเช่นรายของโจทก์ ดังนั้นจึงไม่อาจยกขึ้นเทียบเคียงให้ฟังว่าจำเลยกระทำต่อโจทก์โดยมิชอบ ศาลฎีกาเห็นว่ากรณียังถือได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์มิได้

พิพากษายืน

Share