คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้เสียหายมีสาเหตุทะเลาะกันมาบ่อยครั้งแต่ก็ยังไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันรุนแรง การที่ผู้เสียหายเดินถือเก้าอี้ที่ไม่ใหญ่โตหรือมีน้ำหนักที่จะทำอันตรายร้ายแรงเข้าหาจำเลยแล้ว จำเลยตอบโต้ด้วยการใช้มีดฟันผู้เสียหายจนได้รับบาดแผลเป็นอันตรายสาหัสเช่นนี้ จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดเป็นอาวุธฟันทำร้ายร่างกายนางวาณีรอดรับบุญ ผู้เสียหาย ถูกที่บริเวณแขนซ้ายด้านใน เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 และริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ประกอบมาตรา 68, 69 จำคุก 3 ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกระยะ 2 เดือน มีกำหนด 1 ปี ริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางวาณีผู้เสียหายและนางสาวจันทิมารอดรับบุญ บุตรสาวของผู้เสียหายพยานโจทก์เบิกความได้เจือสมกับทางนำสืบของจำเลยที่ว่าผู้เสียหายคว้าเก้าอี้เข้ามาตีจำเลยขณะที่จำเลยกำลังหั่นผักอยู่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้มีดฟันทำร้ายผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายถือเก้าอี้อยู่ในมือข้างขวาจะตีทำร้ายจำเลย เห็นว่า การที่ผู้เสียหายถือเก้าอี้ในมือได้ด้วยมือข้างขวาข้างเดียว แสดงว่าเป็นเก้าอี้ที่ไม่ใหญ่โตหรือมีน้ำหนักที่จะทำอันตรายร้ายแรงให้แก่จำเลยได้ จำเลยกับผู้เสียหายมีสาเหตุทะเลาะกันมาบ่อยครั้งแต่ก็ยังไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันรุนแรง การที่ผู้เสียหายเดินถือเก้าอี้ที่ไม่ใหญ่โตหรือมีน้ำหนักที่จะทำอันตรายร้ายแรงเข้าหาจำเลยแล้ว จำเลยตอบโต้ด้วยการใช้มีดฟันผู้เสียหายจนได้รับบาดแผลเป็นอันตรายสาหัสเช่นนี้ จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share