คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3075/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ช. ถูกจำเลยที่ 2 กับพวกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เมื่อ ส. นำเงินค่าไถ่ไปมอบให้จำเลยที่ 2 และพวกนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งมีอาวุธปืนได้อยู่ด้วยโดยได้ช่วยรับและนับเงินค่าไถ่ หลังจากนั้นจึงได้จัดการปล่อยตัว ช.ให้เป็นอิสระ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกในการกระทำความผิดด้วย
ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313ประกอบด้วยมาตรา 316, 53 โดยให้จำคุก 20 ปีแสดงว่าใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโทษ แต่ตามมาตรา 316 จะลงโทษน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษดังกล่าว หาได้ไม่ โทษจำคุก 20 ปี ที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาจึงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตซึ่งไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงขึ้นอีกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
ก. จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนติดตัวคนละกระบอกได้ร่วมกันปล้นเอาเงินรถแทรกเตอร์ รถยนต์บรรทุก ของนายจิวซั้ว ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายโชคชัย นายเสงี่ยม และนายจิ้งจ่ายไป
ข. จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจับเอาตัวนายโชคชัยและนายเสงี่ยมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้และเรียกเงินค่าไถ่
ค. จำเลยกับพวกได้ร่วมกันปล้นเอาสร้อยคอ นาฬิกาข้อมือ แหวนและเงินของนายโชคชัยไป
ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๔๐,๓๔๐ ตรี, ๓๑๓ ให้จำเลยคืนหรอใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๒ ขอถอนคำให้การเดิม และให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๓ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑๖, ๕๓ จำคุกคนละ ๒๐ ปี และจำเลยที่ ๒มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี สองกระทงจำคุกกระทงละ ๒๒ ปี ๖ เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๖๕ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด๔๓ ปี ๔ เดือน ให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการที่นายเสงี่ยมนำเงินไปมอบให้จำเลยที่ ๒ และพวกนั้น จำเลยที่ ๑ ได้อยู่กับจำเลยที่ ๒ ที่บ้านนายดวงด้วย ได้ช่วยนับเงินและบอกแก่นายเสงี่ยมว่าครบแล้ว หลังจากนั้นจึงได้จัดการปล่อยตัวนายโชคชัยให้เป็นอิสระ พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๑ ที่ไปช่วยจำเลยที่ ๒ รับและนับเงินค่าไถ่โดยมีอาวุธปืนไปด้วยเช่นนี้ ฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ และพวกในการจับเอาตัวนายโชคชัยและนายเสงี่ยมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ จำเลยที่ ๑จึงมีความผิดดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๓ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑๖, ๕๓ โดยให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด๒๐ ปีนั้น แสดงว่าศาลชั้นต้นใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโทษ แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๖ จะลงโทษน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษดังกล่าวหาได้ไม่ โทษจำคุก ๒๐ ปีที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาจึงเป็นโทษที่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตซึ่งไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ ๑ ให้สูงขึ้นอีกได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share