คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306-307/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อ้างต้นฉบับเอกสารภาษาต่างประเทศที่บุคคลภายนอกทำขึ้นทั้งฉบับ แต่แปลเป็นไทยเฉพาะส่วนที่ผู้อ้างต้องการก็รับฟังเป็นหลักฐาน ได้ ไม่จำต้องแปลทั้งฉบับ เพราะหากอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า มีข้อความอื่นในเอกสารเป็นประโยชน์แต่ตน ย่อมแสดงข้อความนั้นต่อศาลได้
ความผิดอันยอมความได้นั้น โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องมาด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 มิได้บัญญัติให้ต้องบรรยายมาด้วย เมื่อศาลพอใจฟ้องสั่งรับฟ้อง และโจทก์นำสืบว่ามีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกเอารูปในการใช้ประกอบการค้าและปลอมเครื่องหมายการค้าปากกา marshal ของบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด มีดโกนตราสามมงกุฎของนายเอมเอ ไมดินมาริกัน แว่นตาตราพระปรางสามองค์ของบริษัทเมืองทอง ฯลฯ ป้ายชื่อแว่นตาของบริษัทคาร์ลไซส์แห่งเยอรมันนีมีดโกนตราสามตาของห้างหุ้นส่วนคาร์ลชะไลเพอร์ โดยเจตนาให้ประชาชนหลงเชื่อว่า เป็นสินค้าของบริษัทดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๒, ๒๗๓, ๒๗๔, ๒๗๕, ๓๒ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ ๑ เป็นแต่เปิดเครดิตธนาคารสั่งสินค้าของกลางให้จำเลยที่ ๒ โดยได้รับส่วนแบ่ง ไม่มีหลักฐานแสดงว่าจำเลยรู้ว่าเป็นสินค้าปลอมให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ คงมีผิดฐานเอาชื่อและรูปเครื่องหมายปากกามาร์แชลมาใช้ และนำสินค้านี้เข้ามาในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๒, ๒๗๕ กับฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของบริษัทคาร์ลไซส์ตามมาตรา ๒๗๓ เท่านั้น ไม่ริบของกลางบางอย่างเพราะไม่ผิด
โจทก์ โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ ๒ ข้อ ๕, ๖ นั้น โจทก์อ้างและส่งเอกสารภาษาจีนที่บุคคลภายนอกทำขึ้นทั้งฉบับ แต่แปลเป็นไทย เฉพาะบางส่วนก็รับฟังได้ไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐานแต่อย่างใดไม่จำต้องรับฟังแต่เอกสารที่จำเลยทำขึ้น และหากจำเลยเห็นว่ามีข้อความตอนอื่นในเอกสารเป็นประโยชน์แก่จำเลย ๆ ก็ย่อมแสดงข้อความนั้นต่อศาลได้ ปัญหาว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่นั้น เห็นว่าจำเลยอยู่ในวงการค้าน่าจะรู้ถึงเครื่องหมายการค้าเหล่านี้ดี ข้อแก้ตัวของจำเลยเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นง่าย ๆ ไม่มีเหตุผลเชื่อฟังเป็นความจริงได้
ความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๒ เกี่ยวกับเอาชื่อ รูปของผู้อื่นมาใช้นั้น ถึงแม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ก็ดี ก็ไม่ทำให้ฟ้องนั้นไม่เป็นฟ้อง เพราะความข้อนี้มิใช่เป็นข้อความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ บัญญัติให้โจทก์ต้องบรรยายมาในฟ้อง เมื่อศาลชั้นต้นพอใจฟ้อง สั่งรับฟ้อง และโจทก์นำสืบว่าคดีได้มีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลก็พิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยได้
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ ยกฎีกาจำเลยที่ ๒

Share