คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งยินยอมความกันมิได้นั้น ผู้เสียหายไม่ต้องร้องทุกข์ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็สอบสวนฟ้องร้องได้
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถนั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับขี่รถจักรยานสองล้อไม่มีใบขับขี่และโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นได้รับความเสียหายและบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติล้อเลื่อน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐
่จำเลยให้การรับสารภาพว่า ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานจริง แต่จำเลยมีความชำนาญในการขับขี่รถจักรยานมานานแล้ว ความจริงนายทวนขับขี่รถยนต์ผิดกฎจักรยานชนรถจักรยานของจำเลยเสียหาย จำเลยได้รับบาดเจ็บจำเลยมิได้ทำให้ผู้ใดเสียหายและบาดเจ็บ
ศาลแขวงสุรินทร์พิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติล้อเลื่อน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ให้ปรับ ๔๐ บาท จำเลยรับสารภาพในความผิดฐานนี้ ลดให้กึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๒๐ บาท และจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ ให้ปรับอีก ๑๐๐ บาท ค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลแขวงสุรินทร์ สั่งรับเฉพาะฎีกาข้อ ๒ (ค) ข้อ ๓ และข้อ ๔ นอกนั้นเป็นข้อเท็จจริงไม่รับ
ศาลฎีกาว่าข้อที่จำเลยฎีกาข้อ ๒ (ค) ที่ว่านายเป็งฮวดผู้ปวดเจ็บมิได้ร้องทุกข์เอาโทษแก่จำเลย พนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมไม่มีอำนาจดำเนินคดีฟ้องจำเลยนั้น เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับความอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดส่วนตัวอันยนอมความกันได้ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจทำการสอบสวน และดำเนินคดีฟ้องผู้กระทำความผิดได้ แม้จะไม่มีการร้องทุกข์กล่าวดทษ ฎีกาข้อ ๓ ที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ระบุว่ารถยนต์ที่นายทวนขับนี้เป็นผู้ใด เลขทะเบียนที่เท่าใด จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบและไม่ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ นั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำทั้งหลายที่บ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดดังที่จำเลยกล่าวอ้างฟ้องไม่เคลือบคลุม ส่วนฎีกาข้อ ๔ ว่า การนำสืบของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ เพราะฟ้องว่าขับรถบนถนนหลวง แต่นำสืบว่าบนถนนในหมู่บ้าน ไม่ใช่ถนนหลวง นั้น เห็นว่า การนำสืบของโจทก์หาแตกต่างกับฟ้องไม่ เพราะโจทก์มีร้อยตำรวจตรีวัลลภมาเบิกความว่าถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนหลวงในชนบท ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ที่อำเภอแล้ว และจุดที่เกิดชนกันอยู่กลางถนนหลวง พิพากษายืน

Share