แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 83 ให้ผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินอันอาจจะฟ้องร้องบังคับให้มีการจดทะเบียนหรือให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนยื่นคำขออายัดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินได้มีกำหนด 60 วัน ก็เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียไว้ก่อนมีการฟ้องคดีต่อศาล และเมื่อผู้มีส่วนได้เสียฟ้องผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียน และแสดงหลักฐานการยื่นฟ้องพร้อมกับสำเนาคำฟ้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินผู้รับอายัดภายในกำหนดเวลาที่อายัดแล้วบทบัญญัติมาตราดังกล่าวก็ให้ความคุ้มครองต่อไปโดยให้การอายัดนั้นมีผลต่อไปจนกว่าศาลในคดีที่ผู้ขออายัดได้ยื่นฟ้องไว้จะสั่งให้ถอนการอายัดหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลในคดีที่ ป. ผู้ขออายัดเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียนกับพวกเป็นจำเลยได้มีคำสั่งถอนการอายัดที่ดินดังกล่าวหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วแต่อย่างใดศาลก็ไม่อาจมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์จดทะเบียนโอนสิทธิที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามคำพิพากษาในคดีนี้ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้จำเลยจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) จำนวน 4 แปลงให้แก่โจทก์ทั้งสามตามสัญญาจะซื้อจะขาย จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ทั้งสามเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง วันชี้สองสถานคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยินยอมจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดิน น.ส.3ก. รวม 4 แปลงให้แก่โจทก์ที่ 1 ในวันที่ 20ธันวาคม 2534 ตามเงื่อนไขในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามฟ้อง โดยโจทก์ที่ 1 จะชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้แก่จำเลยในวันดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์ที่ 1 ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามคำพิพากษา ขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ให้จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1ศาลชั้นต้นมีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ได้รับคำชี้แจงว่า เหตุที่โอนที่ดินให้โจทก์ตามคำพิพากษาไม่ได้เพราะนายปกรณ์ผู้จะซื้อที่ดินดังกล่าวจากนายสมบูรณ์เจ้าของที่ดินเดิมได้ยื่นคำขออายัดที่ดินทั้ง 4 แปลง ไว้ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 83 ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้รับอายัดที่ดินดังกล่าวไว้แล้วและนายปกรณ์ได้นำหลักฐานการยื่นฟ้องนายสมบูรณ์และจำเลยคดีนี้ต่อศาลแพ่งพร้อมทั้งสำเนาคำฟ้องมาแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ด้วยแล้ว การอายัดที่ดินดังกล่าวจึงมีผลต่อไปจนกว่าศาลจะสั่งถอนอายัดหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดโจทก์ที่ 1 จึงยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์จดทะเบียนสิทธิที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่อายัดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 83 ศาลไม่มีอำนาจตามกฎหมายสั่งให้จดทะเบียนนิติกรรมให้ได้
โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินน.ส.3ก. เลขที่ 1805 ถึงเลขที่ 1808ตำบลวังชมภู อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินรับอายัดไว้ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 83แล้วให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามคำพิพากษาในคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่าการที่ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 83 ให้ผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินอันอาจจะฟ้องร้องบังคับให้มีการจดทะเบียนหรือให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนยื่นคำขออายัดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินได้มีกำหนด 60วัน ก็เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียไว้ก่อนมีการฟ้องคดีต่อศาล และเมื่อผู้มีส่วนได้เสียได้ฟ้องผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียนและแสดงหลักฐานการยื่นฟ้องพร้อมกับสำเนาคำฟ้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินผู้รับอายัดภายในกำหนดเวลาที่อายัดแล้วบทบัญญัติมาตราดังกล่าวก็ให้ความคุ้มครองต่อไปโดยให้การอายัดนั้นมีผลต่อไปจนกว่าศาลในคดีที่ผู้ขออายัดได้ยื่นฟ้องไว้จะสั่งให้เพิกถอนการอายัดหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด ตามคำแถลงฉบับลงวันที่9 มกราคม 2535 และอุทธรณ์ของโจทก์ที่ 1 ไม่ปรากฏว่าศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ 13563/2534 ซึ่งนายปกรณ์ผู้ขออายัดเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยนี้ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียนกับพวกเป็นจำเลย ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอายัดที่ดินดังกล่าวหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วแต่อย่างใด เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์จึงไม่มีอำนาจจดทะเบียนโอนสิทธิที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามคำพิพากษาในคดีนี้ได้
พิพากษายืน