แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายไปเวียนรอบผู้เสียหาย 3-4 รอบก่อน แล้วอ้อมไปหยุดข้างหลังผู้เสียหาย ต่อจากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จึงลงจากรถไปใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหายได้แล้วกลับมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยขับขี่หลบหนีไป เมื่อไม่ปรากฏชัดว่าที่จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์เวียนรอบผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำเพื่อวัตถุประสงค์ใดพฤติการณ์ของจำเลยกับพวกคงฟังได้เพียงว่า เป็นการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไปและกลับจากการกระทำความผิดเท่านั้น ไม่เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์นั้นไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไปร่วมกันชิงทรัพย์นางสาวสุกิยะผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 339, 340 ตรี และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ประกอบกับมาตรา 340 ตรี ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วคงจำคุก 10 ปีและริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดจริงตามฟ้อง แต่ปรากฏว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 19 ปี 9 เดือนเศษ ยังเป็นนักศึกษาและได้ให้การรับทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ศาลฎีกาเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76กับปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์มิได้ระบุว่าจำเลยกระทำผิดวรรคใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 สมควรระบุเสียให้ถูกต้อง
ส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางโดยวินิจฉัยว่าเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้กระทำความผิด และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น เห็นว่า การที่จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางโดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายไปเวียนรอบผู้เสียหาย 3-4 รอบก่อน แล้วจึงอ้อมไปหยุดข้างหลังผู้เสียหายต่อจากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยจึงลงจากรถไปใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหายได้ แล้วกลับมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยขับขี่หลบหนีไปนั้น ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดว่า ที่จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์เวียนรอบผู้เสียหายนั้น เป็นการกระทำเพื่อวัตถุประสงค์ใดพฤติการณ์ของจำเลยกับพวกคงฟังได้เพียงว่าเป็นการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะไปและกลับจากการกระทำความผิดเท่านั้น จำเลยกับพวกหาได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ไม่ จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 340 ตรี ฯลฯ ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม ฯลฯ กับลดโทษเพราะมีเหตุบรรเทาโทษอีกหนึ่งในสาม คงจำคุก6 ปี 8 เดือน ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.