คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าท้องที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีก็ฟังไม่ได้ว่าท้องที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2511 เวลากลางวัน จำเลยมีไม้ตะเคียน ไม้ยาง ไม้แดงที่แปรรูปแล้ว รวมเนื้อไม้ทั้งสิ้น 5.78 ลูกบาศก์เมตรคิดค่าภาคหลวงเป็นเงิน 231.20 บาท อันเป็นจำนวนไม้เกินกว่าที่ทางการกำหนดให้มีไว้อยู่อีก 5.58 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองของจำเลยภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลพานพร้าว อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคายขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 47, 48, 73, 74 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 3(4), 17(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 4, 5, 17, 18 ประกาศกระทรวงเกษตราธิการ ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 ประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้ฉบับลงวันที่ 3พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ริบไม้ของกลางที่จับยึดได้ทั้งหมด

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 72 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีริบไม้ของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์ไม่ยืนยันสถานที่พบไม้แปรรูปของกลางอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และไม่มีพฤติการณ์อย่างใดแสดงว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 103/2510 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามคำฟ้องประกอบประกาศกระทรวงเกษตรฉบับลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ข้อ 1จำเลยต้องเข้าใจได้ดีแล้วว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และจำเลยได้ทราบประกาศของกระทรวงเกษตรดังกล่าวดี ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ตลอดข้อหา ประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรท้ายฟ้องไม่ใช่กฎหมายและมิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป โจทก์ไม่นำสืบให้ปรากฏเลยว่าได้คัดสำเนาประกาศไปปิดไว้ ณ สถานที่กฎหมายกำหนดแล้ว เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าท้องที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีจึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองนั้น เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ศาลอุทธรณ์ได้อ้างไว้แล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ส่วนไม้ของกลางศาลอุทธรณ์ยังไม่สั่ง ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง จึงไม่ริบไม้ของกลาง

Share