คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3043/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หาใช่ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามมาตรา 287 ไม่ เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 289 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสีย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 684/2513)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยที่ ๔ คือที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๔๑ ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์และศาลชั้นต้นได้ขายทอดตลาดไปแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางประภาเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องผู้ร้องได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว นางประภาได้จำนองที่ดินแปลงดังกล่าวไว้แก่ผู้ร้อง โจทก์นำยึดเพื่อขายทอดตลาดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยที่ ๔ แม้ศาลฎีกาจะพิพากษาว่าจำเลยที่ ๔ ขายที่ดินให้นางประภาโดยฉ้อฉล แต่ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกรับจำนองไว้โดยสุจริต มีค่าตอบแทน จึงอาศัยอำนาจแห่งการจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ ขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์ โดยขอให้จ่ายเงินที่เหลือสุทธิแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของจำเลยที่ ๔ ผู้ร้องรับจำนองไว้โดยไม่สุจริต สัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ภายหลังจากเอาทรัพย์สินขายทอดตลาดแล้ว ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ วรรคสอง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอภายหลังจากที่ศาลขายทอดตลาดทรัพย์สินไปแล้ว พิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินที่จำนองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องข้อ ๕ ของผู้ร้องบรรยายว่า “อาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ ผู้ร้องจึงขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง” หาใช่ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ ดังที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าศาลชั้นต้นขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๒๔ ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๒๔ เป็นกรณีใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ วรรคสองซึ่งกำหนดให้ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดจึงเป็นคำร้องขอที่ยื่นพ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสีย ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๔/๒๕๑๓
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share