แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีแรงงานเมื่อพนักงานเดินหมายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย โดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลแรงงาน ณ ภูมิลำเนาของจำเลยคือสำนักงานใหญ่อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยแล้ว การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74 ประกอบมาตรา 79 ส่วนการที่พนักงานจำเลยซึ่งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ได้เก็บรวบรวมสำเนาคำฟ้องไว้กับเอกสารอื่นซึ่งมีจำนวนมากกว่าจะมีการแยกแยะ เพื่อส่งไปยังผู้บริหารซึ่งไปประจำอยู่ ณ สำนักงานโครงการ อันเป็นสำนักงานชั่วคราวเกิดความล่าช้ารวมทั้งระยะเวลาในการส่งไปยังผู้บริหารดังกล่าวก็ล่วงเลยกำหนดนัดของศาล โดยจำเลยไม่มีเจตนาจะไม่ยื่นคำให้การ และไม่ไปศาลตามนัดนั้น เป็นเรื่องการบริหารกิจการภายในที่จำเลยจะต้องกำชับดูแลพนักงานจำเลยให้ปฏิบัติงานให้ทันตามกำหนดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย การที่พนักงานจำเลยตรวจสอบแยกแยะเอกสารล่าช้าและส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่ผู้บริหารของจำเลยล่วงเลยเวลาซึ่งกำหนดให้ปฏิบัติตามข้อความในหมายเรียกเมื่อเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยเอง จึงมิใช่เหตุผลอันสมควรที่จำเลยจะยกมาอ้างต่อศาลในการไม่ไปศาลตามนัด ในหมายเรียก การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่มี เหตุอันสมควร เป็นการขาดนัดโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีเหตุที่จำเลยจะขอให้พิจารณาใหม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน11,275 บาท และค่าชดเชยจำนวน 33,825 บาท จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา คดีอยู่ระหว่างการบังคับคดีตามคำพิพากษา
จำเลยยื่นคำร้องว่า ที่ตั้งชื่อมีกรรมการและผู้บริหารพำนักอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ได้แก่ที่ตั้งของหน่วยงานโครงการ โดยมีการสร้างสำนักงานชั่วคราวไว้ ดังนั้นการปิดหมายในคดีนี้ไว้ ณที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ทำให้กรรมการและผู้บริหารจำเลยไม่ทราบเรื่องที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ เนื่องจากเอกสารสำเนาคำฟ้องโจทก์ถูกพนักงานส่วนกลางที่สำนักงานใหญ่เก็บรวมกับเอกสารอื่นกว่าจะมีการแยกแยะเอกสารเพื่อส่งมายังผู้บริหารซึ่งประจำอยู่ณ สำนักงานโครงการก็เกิดความล่าช้า และสำเนาคำฟ้องเป็นเอกสารเพียงไม่กี่แผ่นเมื่อปะปนกับเอกสารอื่นซึ่งมีอยู่จำนวนมากกว่าจะตรวจพบและรวมทั้งระยะเวลาที่ต้องส่งมายังผู้บริหารก็ล่วงเลยกำหนดนัดของศาล จำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ยื่นคำให้การและไปศาลตามกำหนดนัด โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยไม่มีมูลความจริงจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุอันชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรม จำเลยเป็นบริษัทมีชื่อเสียง ย่อมไม่เลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและคำสั่งของจำเลย และยักยอกทรัพย์สินของจำเลยไปที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจึงไม่ชอบ ขอให้พิจารณาใหม่
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีปิดหายได้ และให้มีผลบังคับทันทีโจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และพนักงานเดินหมายได้ปิดหมาย ณ บ้านเลขที่ 25/9 ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลย โดยปิดหมายตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2540 และตามหมายเรียกระบุว่า นัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์วันที่ 15 ธันวาคม 2540เวลา 9 นาฬิกา เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74 บัญญัติว่า “การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใด โดยเจ้าพนักงานศาลนั้นให้ปฏิบัติดังนี้
(1)…
(2) ให้แก่คู่ความหรือบุคคลซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลนั้น แต่ให้อยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติหกมาตราต่อไปนี้”
มาตรา 79 บัญญัติว่า “ถ้าการส่งคำคู่ความหรือเอกสารนั้นไม่สามารถจะทำได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน ศาลอาจสั่งให้ส่งโดยวิธีอื่นแทนได้ กล่าวคือ ปิดคำคู่ความหรือเอกสารไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลผู้มีชื่อระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร หรือมอบหมายคำคู่ความหรือเอกสารไว้แก่เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองในท้องถิ่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจ แล้วปิดประกาศแสดงการที่ได้มอบหมายดังกล่าวแล้วนั้นไว้ดังกล่าวมาข้างต้น หรือลงโฆษณาหรือทำวิธีอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควร”
สำหรับคดีนี้ เมื่อพนักงานเดินหมายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย โดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลแรงงานกลาง ณ ภูมิลำเนาซึ่งจำเลยรับว่าเป็นสำนักงานใหญ่ของจำเลย อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยนั่นเอง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจึงชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น การที่จำเลยอ้างว่า พนักงานจำเลยซึ่งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ได้เก็บรวบรวมสำเนาคำฟ้องไว้กับเอกสารอื่นซึ่งมีจำนวนมากกว่าจะมีการแยกแยะเพื่อส่งไปยังผู้บริหารซึ่งไปประจำอยู่ ณ สำนักงานโครงการ อันเป็นสำนักงานชั่วคราวก็เกิดความล่าช้า รวมทั้งระยะเวลาในการส่งไปยังผู้บริหารดังกล่าวก็ล่วงเลยกำหนดนัดของศาล จำเลยไม่มีเจตนาจะไม่ยื่นคำให้การและไม่ไปศาลตามนัดแต่อย่างใดนั้น นับว่าเป็นเรื่องการบริหารกิจการภายในของจำเลยเอง จำเลยย่อมจะกำชับดูแลพนักงานจำเลยให้ปฏิบัติงานให้ทันตามกำหนดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย การที่พนักงานจำเลยตรวจสอบแยกแยะเอกสารล่าช้าและส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่ผู้บริหารของจำเลยล่วงเลยเวลาซึ่งกำหนดให้ปฏิบัติตามข้อความในหมายเรียก จึงถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยเอง มิใช่เหตุอันสมควรที่จะยกมาอ้างต่อศาลในการไม่ไปศาลตามนัดในหมายเรียก กรณีถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามเรียกโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยจึงขาดนัดโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีเหตุขอให้พิจารณาใหม่ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยโดยไม่ไต่สวนชอบแล้ว
พิพากษายืน