คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงพร้อมกับข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสารต่อศาลจังหวัดโดยมิต้องผัดฟ้องฝากขังจำเลยตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯเพราะเป็นกรณีความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกัน ซึ่งโจทก์จะฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลที่มีอำนาจชำระในฐานความผิดที่มีอัตราโทษสูงกว่าก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 24 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 91พระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12, 81 ริบของกลางศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาใช้เอกสารปลอมส่วนข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ ไม่ปรากฏว่ามีการผัดฟ้องและฝากขังยังศาลแขวงมาก่อนจึงไม่รับ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปีของกลางริบ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ประทับฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติ คนเข้าเมืองด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาพร้อมกับข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสารต่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลจังหวัดโดยมิได้ผัดฟ้องฝากขังได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้ความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268 กับความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522มาตรา 12, 18, 62 จะเป็นความผิดที่แยกเป็นแต่ละกรรมต่างกันและความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงก็ตาม แต่ก็ได้กระทำลงโดยผู้กระทำความผิดคนเดียวกันและเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันจึงเป็นกรณีความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกัน ซึ่งโจทก์จะฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลที่มีอำนาจชำระในฐานความผิดซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 24 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 พร้อมกับความผิดเกี่ยวกับเอกสารต่อศาลจังหวัดได้โดยมิต้องผัดฟ้องฝากขังจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดและไม่รับฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ต่อไปตามรูปคดี

Share