คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3037/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในเรื่องภาษีการค้านั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 84,85 บัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าและชำระภาษีการค้าเป็นรายเดือน โดยนำเงินค่าภาษีการค้าไปชำระพร้อมกับยื่นแบบแสดงรายการการค้าเงินได้พึงประเมินภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปซึ่งถือได้ว่ามูลหนี้ค่าภาษีการค้าได้เกิดขึ้นแล้ว ทุกเดือนภาษีที่โจทก์มีรายรับโดยถือเอาวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเป็นวันที่ครบกำหนดชำระหนี้ภาษีของเดือนนั้น ๆ และเจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีการค้านับแต่วันถัดจากวันที่กำหนดชำระเป็นต้นไป สำหรับกรณีของโจทก์เมื่อหนี้ค่าภาษีการค้าที่โจทก์เสียขาดไปถึงกำหนดชำระภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 และทุก ๆ วันที่ 15 ของแต่ละเดือนถัดไปเจ้าพนักงานประเมินจึงมีสิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีการค้าดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2506 เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ขาดให้โจทก์นำไปชำระตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86ทวิ ซึ่งโจทก์ทราบการประเมินเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2514 ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้ชำระหนี้ภาษีที่ค้างแล้วภายในกำหนด 10 ปีตามมาตรา 88ทวิ(2) ซึ่งมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ตามที่เรียกร้องอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เพราะหากโจทก์ไม่นำเงินไปชำระ กรมสรรพากรจำเลยก็มีอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 อันเป็นกฎหมายพิเศษที่จะดำเนินการบังคับเอากับทรัพย์สินของผู้ค้างชำระค่าภาษีโดยมิต้องนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลเช่นกรณีเจ้าหนี้อื่น ๆและต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์ตลอดจนนำคดีนี้มาฟ้องสืบเนื่องกันมา จึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีอากรรายนี้จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2514 เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าในปี พ.ศ. 2506 จากโจทก์ โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์และแจ้งคำวินิจฉัยมายังโจทก์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2519 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขาดอายุความ

จำเลยให้การว่า โจทก์ยื่นรายการเสียภาษีการค้าขาดไป การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว สิทธิเรียกร้องของกรมสรรพากรไม่ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่นำคดีมาฟ้อง ขอให้มีการบังคับชำระหนี้ค่าภาษีตามสิทธิเรียกร้อง ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยพ้นกำหนด10 ปีแล้ว สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้ค่าภาษีการค้ารายนี้จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 167 ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ปัญหาข้อนี้แล้ว เห็นว่าในเรื่องภาษีการค้า ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 84, 85 บัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้า และชำระภาษีการค้าเป็นรายเดือน โดยนำเงินค่าภาษีการค้าไปชำระพร้อมกับยื่นแบบแสดงรายการการค้าเงินได้พึงประเมินภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปซึ่งถือได้ว่ามูลหนี้ค่าภาษีการค้าได้เกิดขึ้นแล้วทุกเดือนภาษีที่โจทก์มีรายรับโดยถือเอาวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเป็นวันที่ครบกำหนดชำระหนี้ภาษีของเดือนนั้น ๆ สำหรับกรณีของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่ขาดไปนั้น ได้ถึงกำหนดชำระแล้วตั้งแต่วันที่โจทก์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร คือภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 และทุก ๆ วันที่ 15 ของแต่ละเดือนถัดไปจากเดือนที่โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้านั้น ๆ และเจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีการค้า นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดชำระเป็นต้นไป คือเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2506 และทุก ๆ วันที่ 16 ของเดือนนั้น ๆ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ขาดให้โจทก์นำเงินไปชำระ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 86 ทวิ หากโจทก์ไม่นำเงินไปชำระตามประมวลรัษฎากรมาตรา 12 ได้ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอสั่งยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้อง การให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภออันเกี่ยวกับภาษีอากรดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลรัษฎากรเป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจเจ้าหนี้ คือกรมสรรพากรที่จะดำเนินการบังคับเอากับทรัพย์สินของผู้ค้างชำระค่าภาษีโดยมิต้องนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลเช่นกรณีเจ้าหนี้อื่น ๆ คดีนี้เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าให้โจทก์นำเงินไปชำระเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2514 ตามเอกสารหมาย จ.1 โจทก์ทราบการแจ้งประเมินเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2514 ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้ชำระหนี้ค่าภาษีที่ค้างแล้วภายในกำหนดเวลา 10 ปี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 88 ทวิ (2) ซึ่งมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ตามที่เรียกร้องอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 และต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์การประเมินตลอดจนนำคดีนี้มาฟ้องสืบเนื่องกันมา จึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ตามนัยแห่งมาตรา 175 สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีอากรรายนี้จึงไม่ขาดอายุความ คำพิพากษาฎีกาที่ 1401 – 1402/2515 ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ คดีดังกล่าวเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีแล้วนับแต่วันที่กรมสรรพากรอาจใช้สิทธิเรียกร้องได้

พิพากษายืน

Share