แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในเรื่องภาษีการค้านั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 84,85 บัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าและชำระภาษีการค้าเป็นรายเดือน โดยนำเงินค่าภาษีการค้าไปชำระพร้อมกับยื่นแบบแสดงรายการการค้าเงินได้พึงประเมินภายในวันที่ 15 ของเดือน ถัดไปซึ่งถือได้ว่ามูลหนี้ค่าภาษีการค้าได้เกิดขึ้นแล้ว ทุกเดือนภาษีที่โจทก์มีรายรับโดยถือเอาวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเป็นวันที่ครบกำหนดชำระหนี้ภาษีของเดือนนั้นๆ และเจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีการค้านับแต่วันถัดจากวันที่กำหนดชำระ เป็นต้นไป สำหรับกรณีของโจทก์เมื่อหนี้ค่าภาษีการค้าที่โจทก์เสียขาดไปถึงกำหนดชำระภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 และทุก ๆ วันที่ 15 ของแต่ละเดือนถัดไป เจ้าพนักงานประเมินจึงมีสิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีการค้าดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2506 เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ขาดให้โจทก์นำไปชำระตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86 ทวิ ซึ่งโจทก์ทราบการประเมินเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2514 ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้ชำระหนี้ภาษีที่ค้างแล้วภายในกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 88 ทวิ (2) ซึ่งมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ตามที่เรียกร้องอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เพราะหากโจทก์ไม่นำเงินไปชำระ กรมสรรพากรจำเลยก็มีอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 อันเป็นกฎหมายพิเศษที่จะดำเนินการบังคับเอากับทรัพย์สินของผู้ค้างชำระค่าภาษีโดยมิต้องนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลเช่นกรณีเจ้าหนี้อื่นๆ และต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์ตลอดจนนำคดีนี้มาฟ้องสืบเนื่องกันมา จึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีอากรรายนี้จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๑๔ เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ จากโจทก์ โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์และแจ้งคำวินิจฉัยมายังโจทก์ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๙ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขาดอายุความ
จำเลยให้การว่า โจทก์ยื่นรายการเสียภาษีการค้าขาดไป การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว สิทธิเรียกร้องของกรมสรรพากรไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ ๑ ไม่นำคดีมาฟ้อง ขอให้มีการบังคับชำระหนี้ค่าภาษีตามสิทธิเรียกร้อง ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยพ้นกำหนด ๑๐ ปีแล้ว สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้ค่าภาษีการค้ารายนี้จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๗ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ปัญหาข้อนี้แล้ว เห็นว่าในเรื่องภาษีการค้า ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๘๔,๘๕ บัญญัติให้ผู้ประกอบการค้าต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้า และชำระภาษีการค้าเป็นรายเดือน โดยนำเงินค่าภาษีการค้าไปชำระพร้อมกับยื่นแบบแสดงรายการค้าเงินได้พึงประเมินภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไปซึ่งถือได้ว่ามูลหนี้ค่าภาษีการค้าได้เกิดขึ้นแล้วทุกเดือนภาษีที่โจทก์มีรายรับโดยถือเอาวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไปเป็นวันที่ครบกำหนดชำระหนี้ภาษีของเดือนนั้นๆ สำหรับกรณีของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าหนี้ค่าภาษีการค้าที่ขาดไปนั้น ได้ถึงกำหนดชำระแล้วตั้งแต่วันที่โจทก์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร คือภายในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖ และทุกๆ วันที่ ๑๕ ของแต่ละเดือนถัดไปจากเดือนที่โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการค้านั้นๆ และเจ้าพนักงานประเมินมีสิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีการค้า นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดชำระเป็นต้นไป คือเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖ และทุกๆวันที่ ๑๖ ของเดือนนั้นๆ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ขาดให้โจทก์นำเงินไปชำระตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๘๖ ทวิ หากโจทก์ไม่นำเงินไปชำระ ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๑๒ ได้ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอสั่งยึดและขาดทอดตลอดทรัพย์สินของผู้รับผิดเสียภาษีอากรได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้อง การให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภออันเกี่ยวกับภาษีอากรดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลรัษฎากรเป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจเจ้าหนี้ คือกรมสรรพากรที่จะดำเนินการบังคับเอากับทรัพย์สินของผู้ค้างชำระค่าภาษีโดยมิต้องนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลเช่นกรณีเจ้าหนี้อื่นๆ คดีนี้เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าให้โจทก์นำเงินไปชำระเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๑๔ ตามเอกสารหมาย จ. โจทก์ทราบการแจ้งประเมินเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๔ ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้ชำระหนี้ค่าภาษีที่ค้างแล้วภายในกำหนดเวลา ๑๐ ปี ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๘๘ ทวิ (๒) ซึ่งมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ตามที่เรียกร้องอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๗๓ และต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์การประเมินตลอดจนนำคดีนี้มาฟ้องสืบเนื่องกันมา จึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ตามนัยแห่งมาตรา ๑๗๕ สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าภาษีอากรรายนี้จึงไม่ขาดอายุความ คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๐๑-๑๔๐๒/๒๕๑๕ ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริง ไม่ตรงกับคดีนี้ คดีดังกล่าวเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินเมื่อพ้นกำหนด ๑๐ ปี แล้วแต่นับแต่วันที่กรมสรรพากรอาจใช้สิทธิเรียกร้องได้
พิพากษายืน.