คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3036/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตและขอให้ริบทรัพย์ของกลางคือ เงินสดจำนวน 8,231,480 บาท โพยสลากกินรวบ 86 แผ่น สมุดฉีก 3 เล่ม ปากกา 2 ด้าม เครื่องคิดเลข 4 เครื่อง และต้นขั้วโพยสลากกินรวบ 6 เล่ม ซึ่งเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว จึงต้องฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องและทรัพย์ของกลางเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยจะมาโต้เถียงข้อเท็จจริงในชั้นขอคืนของกลางให้รับฟังเป็นอย่างอื่นว่าเงินสดของกลางบางส่วนจำนวน 800,000 บาท เป็นทรัพย์ที่ยึดได้จากตัวจำเลยโดยจำเลยไม่ได้เอาออกพนันหาได้ไม่
การร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตาม ป.อ. มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนได้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องขอเป็นเจ้าของที่แท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ศาลก็จะสั่งคืนของกลางให้ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องขอให้คืนของกลางของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งแปดสิบแปดฐานร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการพนัน พ. ศ. ๒๔๘๗ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๐, ๑๒, ๑๕ และริบของกลาง จำเลยทั้งแปดสิบแปดให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้จำคุกคนละ ๖ เดือน และปรับจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘๘ ฐานเป็นผู้ร่วมเล่นคนละ ๒,๕๐๐ บาท กับให้ริบเงินสดจำนวน ๘,๒๓๑,๔๘๐ บาท โพยสลากกินรวบ ๘๖ แผ่น สมุดฉีก ๓ เล่ม ปากกา ๒ ด้าม เครื่องคิดเลข ๔ เครื่อง และต้นขั้วโพยสลากกินรวบ ๖ เล่ม ของกลาง และให้จำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘๘ จ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับ
จำเลยที่ ๖๑ ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๖๑ ร่วมเล่นการพนันเป็นเงินเพียง ๕๐๐ บาท ตามที่เขียนในโพยสลากกินรวบท้ายฟ้อง ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่จับได้ในวงเล่น ส่วนเงินจำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดจากตัวจำเลยที่ ๖๑ เป็นทรัพย์สินซึ่งมิได้เอาออกพนัน จึงมิใช่ทรัพย์สินอันต้องริบตามพระราชบัญญัติการพนัน พ. ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๑๐ ขอให้คืนเงินจำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ของกลางแก่จำเลยที่ ๖๑
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้ววินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติการพนัน พ. ศ. ๒๔๗๘ มิได้บัญญัติหลักเกณฑ์เรื่องการ ขอคืนทรัพย์ของกลางไว้ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ ผู้ที่จะขอคืนของกลางได้ต้องเป็นบุคคลภายนอก มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ ๖๑
จำเลยที่ ๖๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๖๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๖๑ ว่ากรณีมีเหตุสมควรที่จะรับคำร้องของจำเลย ที่ ๖๑ ไว้ไต่สวนต่อไปหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องของจำเลยที่ ๖๑ จำเลยที่ ๖๑ ยอมรับว่าโจทก์ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งแปดสิบแปด ฐานร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตและขอให้ริบทรัพย์ของกลางคือ เงินสดจำนวน ๘,๒๓๑,๔๘๐ บาท โพยสลากกินรวบ ๘๖ แผ่น สมุดฉีก ๓ เล่ม ปากกา ๒ ด้าม เครื่องคิดเลข ๔ เครื่อง และต้นขั้วโพยสลากกินรวบ ๖ เล่ม ซึ่งเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยทั้งแปดสิบแปดให้การ รับสารภาพตามฟ้อง และคดีได้ถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น คดีจึงต้องฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ ๖๑ ได้กระทำความผิดตามฟ้องและทรัพย์ของกลางเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ จำเลยที่ ๖๑ จะมาโต้เถียงข้อเท็จจริงในชั้นขอคืนของกลางให้รับฟังเป็นอย่างอื่นว่าเงินสดของกลางบางส่วนจำนวน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นการพนัน แต่เป็นทรัพย์ที่ยึดได้จากตัวจำเลยที่ ๖๑ โดยจำเลยที่ ๖๑ ไม่ได้เอาออกพนันตามคำร้องหาได้ไม่ ทั้งการร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ ศาลจะสั่งคืนได้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องขอเป็นเจ้าของที่แท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยที่ ๖๑ เป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง ศาลก็จะสั่งคืนของกลางให้ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องของจำเลยที่ ๖๑ ไว้ไต่สวนต่อไป
พิพากษายืน

Share