คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3033/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและตึกแถวอ้างว่าเป็นของจำเลย แต่ปรากฏว่าโฉนดที่ดินมีชื่อ พ.และอ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์แถลงยืนยันว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในฐานเป็นสินสมรส ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 282 วรรคท้าย และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดโดยชอบแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 52214 ซึ่งมีชื่อนายไพศาลและนางสาวอัธยาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมด้วยตึกแถวเจ้าพนักงานบังคับคดีขออนุญาตศาลขายทอดตลาดที่ดินตามสำเนาโฉนดที่ดิน โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ได้แถลงว่าทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดไว้เป็นทรัพย์สินสมรสระหว่างจำเลยกับนายไพศาล และไม่มีผู้ใดร้องขัดทรัพย์ โจทก์ประสงค์ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดต่อไป ขอให้ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่นำยึด โจทก์ได้ยืนยันต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าเป็นสินสมรสระหว่างนายไพศาลกับจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ได้แจ้งการยึดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 และไม่มีผู้ใดร้องขัดทรัพย์ขอให้ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดต่อไปนั้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามคำขอฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2529ของโจทก์ระบุว่า จำเลยทราบคำบังคับแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ขอให้ออกหมายแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อยึดทรัพย์สินคือบ้านเลขที่ 126/37 ถนนเอกชัย ซอยกำนันแม้น แขวงบางขุนเทียนเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยที่ดินของจำเลยศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี และโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและตึกแถวเลขที่ดังกล่าว แต่ปรากฏว่าที่ดินมีชื่อนายไพศาล ฉัตรเวชศิริ และนางสาวอัธยา ฉัตรเวชศิริ โจทก์แถลงยืนยันว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในฐานเป็นสินสมรสดังนั้น ทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 282 วรรคท้าย และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดโดยชอบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดได้ตามขอ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share