แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยซื้อจาก ส. ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว มิได้ให้การต่อสู้ว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 6 ว่ากระทำการโดยสุจริต การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าว เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท โดยโจทก์ซื้อมาจาก ส. จำเลยอาศัย ส. อยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ ๑ งาน โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยและบริวารพักอาศัยในที่ดินของโจทก์ต่อไป จึงได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินของโจทก์แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท และห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไป ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๒,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท แก่โจทก์นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาประมาณ ๒๕ ปีแล้ว ด้วยความสงบเปิดเผยและเจตนายึดถือเพื่อตน จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองโดยอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนางแกะ โกทัณฑ์ ทายาทของจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ อนุญาตให้นางแกะเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะได้
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์และห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ดังกล่าวอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ ๔๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวจำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้กล่าวไว้ในคำฟ้องว่า ส. และโจทก์ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริต คดีจึงไม่มีประเด็นดังกล่าว ทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า ส. ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริต การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินส่วนพิพาทโดยทางปรปักษ์มาเป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปี แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาย่อมยกขึ้นต่อสู้ ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง เมื่อ ส. โอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ จำเลยจึงไม่อาจยกการครอบครองปรปักษ์ที่สิ้นผลไปแล้วมาใช้ยันโจทก์ได้ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและรับฟังข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงพิพาทโดยจดทะเบียนซื้อมาจาก ส. เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๓๕ จำเลยอยู่ในที่ดินส่วนพิพาทโดยอาศัย ส. โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยอยู่อีกต่อไป ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนพิพาทด้วยความสงบ เปิดเผยและเจตนยึดถือเพื่อตนมาเป็นเวลาประมาณ ๒๕ ปีแล้ว จึงได้สิทธิโดยอายุความ โจทก์เพิ่งจดทะเบียนซื้อจาก ส. ในภายหลังจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ หากฟังได้ว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ส. และโจทก์ได้ที่ดินแปลงพิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตหรือไม่ และจำเลยจะยกการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินส่วนพิพาทขึ้นต่อสู้ ส. และโจทก์ได้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า ส. ได้ที่ดินแปลงพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น และจำเลยให้การเพียงว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนพิพาทมาเป็นเวลาประมาณ ๒๕ ปีแล้ว มิได้ให้การต่อสู้ว่า ส. มิใช่บุคคลภายนอกและซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยไม่สุจริต ส. ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖ ว่ากระทำการโดยสุจริต เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏให้เห็นเป็นอย่างอื่น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ รับฟังว่า ส. ซื้อที่ดินแปลงพิพาทโดยสุจริตตามข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.