แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่บุคคลภายนอกส่งเงินที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดไว้ชั่วคราวมาตามคำบังคับของศาลตามที่โจทก์ขอ หลังจากที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วนั้น เงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่เจ้าพนักงานได้ยึดหรืออายัดไว้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 แม้คดีนี้ศาลชั้นต้นจะได้มีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันกับคดีของโจทก์คดีอื่นและศาลออกคำบังคับในวันเดียวกันก็ตามแต่เมื่อโจทก์คดีอื่นมิได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา 290 โจทก์คดีอื่นจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินนั้นแต่อย่างใดดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยของเจ้าหนี้อื่นตามมาตรา 319 จึงเป็นการไม่ชอบ.
ย่อยาว
ชั้นเดิมคดีนี้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้ากับคดีอื่นของศาลแรงงานกลางรวม 10 สำนวนโจทก์ในสำนวนนี้คือโจทก์ที่ 9 เฉพาะสำนวนของโจทก์ที่ 8 โจทก์ที่ 9 และโจทก์ที่ 10 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ที่ 8จำนวน 63,019 บาทแก่โจทก์ที่ 9 จำนวน 745,200 บาทแก่โจทก์ที่ 10จำนวน 184,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยเฉพาะสำนวนของโจทก์ที่ 9ศาลแรงงานกลางได้ออกหมายอายัดชั่วคราวตามคำขอของโจทก์ที่ 9ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254, 255 และ 266 ในวันเดียวกับที่โจทก์ยื่นคำฟ้องโดยห้ามมิให้บริษัทไทยเชลล์ ฯลูกหนี้ของจำเลยชำระเงิน 745,200 บาทแก่จำเลยหลังจากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางแล้วบริษัทไทยเชลล์ ฯ ได้ส่งเงินจำนวน 683,348.40 บาท (โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับจำนวนเงิน745,200 บาท) มายังศาลแรงงานกลางตามหมายอายัดชั่วคราวและตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ที่ 9 จึงขอรับเงิน 683,348.40บาทจากศาลแรงงานกลางแต่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 319 จึงสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแล้วปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 319
โจทก์ที่ 9 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าการที่บริษัทไทยเชลล์ ฯ ส่งเงินมายังศาลแรงงานกลางนั้นได้ส่งมาหลังจากที่ศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีแล้วตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพราะฉะนั้นเงินจำนวน 683,348.40 บาทจึงเป็นเงินที่เจ้าพนักงานได้ยึดหรืออายัดไว้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290 โจทก์ที่ 8 และโจทก์ที่ 10 หาได้ยื่นคำขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา 290 ไม่โจทก์ที่ 8 และโจทก์ที่ 10 จึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับส่วนเฉลี่ยจากจำนวนเงิน 683,348.40 บาทประการใดการขอเฉลี่ยหนี้ตามมาตรา 290 และการทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่างเป็นบทบัญญัติที่อยู่ในลักษณะ 2การบังคับคดีตามคำพิพากษาและคำสั่งด้วยกันแต่มาตรา 290 อยู่ในหมวด 1 หลักทั่วไปซึ่งเป็นกระบวนพิจารณาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจักต้องกระทำก่อนต่อเมื่อได้กระทำแล้วได้มาซึ่งสิทธิตามมาตรา 290 แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีหน้าที่ทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ขอเฉลี่ยจะพึงได้รับอันเป็นบทบัญญัติในหมวด 2 ที่ว่าด้วยการจ่ายเงินซึ่งเป็นกระบวนพิจารณาชั้นหลังกฎหมายบัญญัติกระบวนพิจารณาไว้เป็นขั้นตอนดังนี้ที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการในชั้นจ่ายเงินทั้งที่สิทธิที่จะได้รับเงินของโจทก์ที่ 8 และโจทก์ที่ 9 หามีไม่ จึงเป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย
พิพากษากลับให้ศาลแรงงานกลางจ่ายเงินจำนวน 683,348.40 บาทแก่โจทก์ที่ 9.