คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2530

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

คดีร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ผู้ร้องอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้ร้องและบิดาผู้ร้องโดยตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดก ผู้คัดค้านว่าเป็นพินัยกรรมปลอมผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้ การที่ผู้คัดค้านนำสืบถึงพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งซึ่งระบุยกทรัพย์ของผู้ตายส่วนหนึ่งให้ผู้คัดค้าน ก็เท่ากับเพื่อแสดงว่าผู้คัดค้านมิได้ถูกตัดมิให้รับมรดก และผู้คัดค้านมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกได้ กรณีเป็นข้อพิพาทในประเด็นที่ว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกแม้ผู้คัดค้านรู้ว่ามีพินัยกรรมฉบับนี้ภายหลังยื่นคำคัดค้านแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลมีอำนาจรับฟังได้ จึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้รับพินัยกรรมตามพินัยกรรมซึ่งตัดทายาทโดยธรรมทั้งหลายมิให้รับมรดก ทั้งกรณีจำเป็นต้องมีผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินการโอนรับมรดก และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายมิให้เป็นผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านว่า พินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างเป็นพินัยกรรมปลอม ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นทายาทมีส่วนได้เสียในกองมรดกเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสอง
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า พินัยกรรมเอกสารหมาย ร.1 ที่ผู้ร้องเป็นผู้รับพินัยกรรมและตัดมิให้ผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมรับมรดกเป็นพินัยกรรมที่แท้จริงของผู้ตาย ส่วนปัญหาที่ว่าพินัยกรรมเอกสารหมาย ร.1 ดังกล่าวได้ถูกเพิกถอนโดยพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 ซึ่งผู้คัดค้านทั้งสองนำสืบว่าผู้ตายได้ทำขึ้นในภายหลังหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับฟัง การนำสืบพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 ของผู้คัดค้านทั้งสองว่า ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านทั้งสองถูกตัดมิให้รับมรดก หากมีพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 จริงซึ่งยกทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองก็เท่ากับว่า ผู้คัดค้านทั้งสองมิได้ถูกตัดมิให้รับมรดกดังที่ผู้ร้องอ้าง อีกประการหนึ่งผู้ร้องมิใช่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายโดยตามคำร้องอ้างว่าเป็นผู้รับพินัยกรรม หากมีพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 จริงผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมและมิได้ถูกตัดมิให้รับมรดกแล้วผู้คัดค้านทั้งสองก็มีสิทธิที่จะเป็นผู้จัดการมรดกได้ เป็นข้อพิพาทในประเด็นที่ว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านทั้งสองสมควรที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย อีกทั้งผู้คัดค้านทั้งสองอ้างว่าเพิ่งรู้ว่ามีพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 ในภายหลังต่อเมื่อได้ยื่นคำคัดค้านคดีนี้แล้ว จึงขอนำสืบเกี่ยวกับพินัยกรรมดังกล่าว ซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้ผู้คัดค้านทั้งสองนำสืบเกี่ยวกับพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 นั้นได้ และศาลล่างทั้งสองก็ได้วินิจฉัยถึงเอกสารหมาย ค.6 นั้นด้วย ก็เท่ากับว่าศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานเอกสารดังกล่าวอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญแห่งคดี ศาลจึงมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ แต่วินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไปว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมเอกสารหมาย ค.6 ไว้ ดังนั้นจึงต้องถือว่าผู้คัดค้านทั้งสองถูกตัดมิให้ได้รับมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรมเอกสารหมาย ร.1 ส่วนผู้ร้องในฐานะผู้รับพินัยกรรมย่อมมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share