แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยทั้งหมดบังอาจสมคบกันเล่นการพะนันสะบ้าทอย พะนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้รับอนุญาต โดยจำเลยที่ 1, 2, 3 เป็นผู้จัดให้มีการเล่น จำเลยนอกนั้นเป็นผู้เข้าพะนันในการเล่น ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ย่อมสมบูรณ์ไม่ทำให้จำเลยหลงเข้าใจผิดแต่อย่างใด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหา จำเลยสมคบกันเล่นสะบ้าทอยพะนันเอาทรัพย์สินกัน โดยมิได้รับอนุญาต โดยจำเลยที่ ๑,๒,๓ เป็นผู้จัดให้มีการเล่น ส่วนจำเลยนอกนั้นเป็นผู้เข้าพะนันในการเล่นด้วย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑,๒,๓ รับว่าได้เล่นสะบ้าพะนันเอาทรัพย์สิน โดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้อง แต่มิได้เป็นผู้จัดการให้มีการเล่นสะบ้า จำเลยที่ ๑๗ รับสารภาพ จำเลยนอกนั้นปฏิเสธ ศาลชั้นต้นงดสืบพะยานแล้ววินิจฉัยว่าตามฟ้องไม่ปรากฎตัวผู้เข้าเล่นเลย คงมีแต่ผู้จัดให้มีการเล่นกับผู้เข้าพะนันเท่านั้น ฟ้องโจทก์ลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยที่ ๑,๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์มีข้อความชัดเจนว่า จำเลยทั้งหมดบังอาจสมคบกันเล่นการพะนันสะบ้าทอยพะนันเอาทรัพย์กัน โดยมิได้รับอนุญาต และยังบรรยายรายละเอียดต่อไปว่า จำเลยที่ ๑,๒,๓ เป็นผู้จัดให้มีการเล่น จำเลยนอกนั้นเป็นผู้เข้าพะนันในการเล่น ฟ้องของโจทก์มีรายละเอียดบริบูรณ์ตามมาตรา ๑๕๘ ป.ม.วิ.อาญา จำเลยบางคนรับสารภาพไม่ทำให้จำเลยหลงเข้าใจผิด ฟ้องโจทก์แต่ประการใด
พิพากษายืน.