คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นเพียงทนายความกับลูกความ ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นญาติ หรือมีความสัมพันธ์ในการที่จะนำเงินสดถึง 200,000 บาท มาเป็นหลักประกันให้จำเลย อนึ่ง ป.วิ.อ. มาตรา 118 บัญญัติให้คืน
หลักประกันแก่ผู้ที่ควรรับไป เมื่อจำเลยยื่นคำคัดค้านว่าเงินที่วางประกันเป็นของจำเลยและพยานของจำเลยเบิกความเป็นลำดับเชื่อมโยงกันมีเหตุผลมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของผู้ร้องที่ศาลชั้นต้นส่งคืนหลักประกันตามสัญญาค้ำประกันให้แก่จำเลยจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๙๑, ๘๓ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๓๐, ๘๒, ๙๑ ตรี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยกับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน ๗๕๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสิบห้าคน
จำเลยอุทธรณ์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตโดยถือหลักทรัพย์และสัญญาประกันเดิมที่เคยทำไว้ต่อศาลชั้นต้น ตามสัญญาประกันลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๙ ต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค ๓ มีคำพิพากษาแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนหลักประกันคือเงินสด ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยคัดค้านว่าเงินดังกล่าวเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายกยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง คืนหลักประกันตามสัญญาประกันให้แก่จำเลย
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับ ให้คืนหลักประกันตามสัญญาประกันผู้ร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า … พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า เงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่วางเป็นหลักประกันตามสัญญาประกันในคดีหมายเลขดำที่ ๒๓๑๔/๒๕๓๙ หมายเลขแดงที่ ๒๗๗๖/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้น เป็นของผู้ร้องหรือของจำเลย ได้ความจากคำเบิกความของผู้ร้องว่า จำเลยว่าจ้างผู้ร้องเป็นทนายความในคดีที่จำเลย ถูกฟ้องว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานและความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวจำเลยชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นด้วย วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๓๙ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยโดยใช้หลักทรัพย์ของบิดาจำเลยและเงินสดบางส่วนเพิ่มด้วย แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๙ ผู้ร้องได้ใช้เงินสดของผู้ร้องจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ปรากฏตามคำร้องขอปล่อยชั่วคราว สัญญาประกันและใบเสร็จรับเงินในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๓๑๔/๒๕๓๙ หมายเลขแดงที่ ๒๗๗๖/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยอ้างว่าเงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่ผู้ร้องใช้เป็นหลักประกันในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวเป็นของจำเลย เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นเพียงทนายความกับลูกความ ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นญาติหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับจำเลยในอันที่จะเป็นนายประกันให้แก่จำเลย การที่ผู้ร้องจะนำเงินสดซึ่งมีจำนวนถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท มาใช้เป็น หลักประกันในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยต่อศาลชั้นต้นซึ่งอาจเลี่ยงต่อการถูกยึดหลักประกันได้หากมีการผิดสัญญาประกัน ข้ออ้างของผู้ร้องย่อมไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง ที่ผู้ร้องอ้างว่าใช้เงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นหลักประกัน แต่ทางนำสืบของผู้ร้องกลับไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องนำเงินสด ๒๐๐,๐๐๐ บาท มาจากไหน ผู้ร้องเพียงแต่เบิกความกล่าวอ้างลอย ๆ ว่าเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องไม่มีหลักฐานการเบิกจ่ายเงินจากธนาคารหรือ รายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากมาแสดงต่อศาล จะว่าเป็นเงินที่ผู้ร้องเก็บไว้เองผู้ร้องก็ไม่ได้อ้างเช่นนั้น ที่ว่าจำเลยอ้างว่าเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นของจำเลยนั้น จำเลยมีนายลือ จันวิเศษ บิดาจำเลยมาเบิกความสนับสนุน โดยนายลือเบิกความว่า เมื่อได้รับจดหมายจากจำเลยแจ้งไปที่ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) พยานได้นำโฉนดที่ดินพร้อมด้วย เงินสดประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นของจำเลยที่มอบให้พยานเก็บสะสมไว้ครั้งละ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๓๐,๐๐๐ บาท พยานเดินทางไปพบนายพัฒนา ชนะโยธา สามีจำเลย ที่จังหวัดชัยภูมิ และพากันไปพบผู้ร้องที่ศาลจังหวัดชัยภูมิ โดยตกลงจ้างผู้ร้องเป็นทนายความ และขอให้ผู้ร้องทำเรื่องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยด้วย โดยพยานได้มอบโฉนดที่ดินจำนวน ๒ ฉบับ และเงินจำนวน ๗๑,๐๐๐ ให้ผู้ร้อง แต่ศาลดังกล่าวไม่อนุญาตให้ประกันตัว ผู้ร้องให้ยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกโดยใช้ เงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พยานจึงมอบเงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผู้ร้อง คำเบิกความของนายลือมีเหตุผล โดยเฉพาะเรื่องเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่นายลืออ้างว่าเป็นของจำเลย โดยจำเลยฝากเงินไว้แก่พยานครั้งละ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยไม่ฝากธนาคารเพราะมีหนี้สินมาก ซึ่งหากปรากฏว่าจำเลยมีหนี้สินมากจริง การนำเงินไปฝากธนาคารอาจถูกเจ้าหนี้ยึดหรืออายัดได้โดยง่าย ผู้ร้องเบิกความว่าครั้งแรกศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเพราะหลักทรัพย์ต่ำไป ซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นโฉนดที่ดิน ๒ ฉบับ ของจำเลย ซึ่งก็ตรงกับคำเบิกความของนายลือที่ว่า ในการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวครั้งแรกได้มอบโฉนดที่ดิน ๒ ฉบับ ให้ผู้ร้องไป แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ในการประกันตัวครั้งหลังจึงมอบเงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผู้ร้องซึ่งต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย เหตุที่นายลือไม่ใช้เงินสดประกันตัวครั้งแรกเนื่องจากเห็นว่ามีโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน ๒ ฉบับแล้ว น่าจะเป็นการเพียงพอ แต่เมื่อหลักประกันไม่พอจึงมอบเงินสดจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาทให้แก่ผู้ร้อง พยานของจำเลยเบิกความเป็นลำดับเชื่อมโยงกันมีเหตุผลมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของผู้ร้อง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่ผู้ร้องวางไว้เป็นหลักประกันตามสัญญาประกันในคดีหมายเลขดำที่ ๒๓๑๔/๒๕๒๙ หมายเลขแดงที่ ๒๗๗๖/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้น เป็นของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ วินิจฉัยว่าจำนวนดังกล่าวเป็นของผู้ร้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share