คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อพิพาทตามคำฟ้องของโจทก์ คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยและคำให้การของโจทก์แก้ฟ้องแย้งของจำเลยมีเพียงว่าสัญญาซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1เป็นการซื้อขายตามคำพรรณนาหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสัญญาซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่เป็นการซื้อขายตามคำพรรณนาเป็นการซื้อขายธรรมดาแล้ววินิจฉัยต่อไปอีกว่า แต่เป็นการซื้อขายมีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 เมื่อจำเลยที่ 1ยังไม่ได้ชำระราคาให้โจทก์อีก 49,000 บาท การชำระราคายังไม่เสร็จเรียบร้อย กรรมสิทธิ์ในเครื่องถ่ายเอกสารยังไม่โอนไปยังจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อ และเครื่องถ่ายเอกสารที่โจทก์ขายให้แก่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถถ่ายเอกสารได้ถึง 3,500 แผ่นต่อผงหมึก 1 หลอด ตามคำโฆษณาของโจทก์ จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ เป็นการวินิจฉัยคดีที่ขัดแย้งกันเองและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นว่าการซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นการซื้อขายที่มีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459แล้วพิพากษายืน จึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นข้อพิพาทไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 การวินิจฉัยคดีนอกประเด็นข้อพิพาทเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 243(1),247 และเห็นสมควรย้อนสำนวนไปยังศาลชั้นต้น เพื่อให้พิพากษาใหม่ให้ตรงตามประเด็นข้อพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นกรรมการผู้แทนของจำเลยที่ 1เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2531 จำเลยที่ 1 ได้ซื้อเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อมิต้า พร้อมอุปกรณ์ประกอบเครื่องไปจากโจทก์ในราคา 49,000บาท แต่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ยอมชำระราคาให้แก่โจทก์ โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน นับแต่วันที่จำเลยรับมอบสินค้าถึงวันฟ้อง จึงขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 50,633 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 49,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 ตกลงซื้อเครื่องถ่ายเอกสารตามฟ้องจากโจทก์โดยเชื่อตามคำพรรณนาของโจทก์ว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการถ่ายเอกสารโดยผงหมึก 1 หลอดสามารถใช้ถ่ายเอกสารขนาด เอ 4 ได้ประมาณ 3,500 แผ่น โดยโจทก์ยอมรับเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อชาร์ปของจำเลยที่ 1 เป็นเงิน15,000 บาทเป็นการหักกับราคาเครื่องถ่ายเอกสารดังกล่าวของโจทก์คงเหลือราคาที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระ 49,000 บาท แต่เมื่อโจทก์ส่งมอบเครื่องถ่ายเอกสารให้จำเลยที่ 1 นำไปใช้งานแล้วกลับใช้งานไม่ได้ตรงตามคำพรรณนา จำเลยที่ 1 จึงระงับการใช้และบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ให้โจทก์รับเครื่องถ่ายเอกสารของโจทก์คืนไปและคืนเครื่องถ่ายเอกสารของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 แต่โจทก์ผิดสัญญาไม่ยอมคืนให้จำเลยที่ 1 ทำให้จำเลยที่ 1 เสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์และให้โจทก์รับคืนเครื่องถ่ายเอกสารของโจทก์คืนไป และคืนเครื่องถ่ายเอกสารของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคารวมค่าเสียหายเป็นเงิน 18,705 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าโจทก์จะชำระเงินเสร็จให้จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นกรรมการผู้แทนของจำเลยที่ 1 แต่ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการส่วนตัว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์ขายเครื่องถ่ายเอกสารให้จำเลยที่ 1 เป็นการซื้อขายกันเสร็จเด็ดขาดมิได้ขายตามคำพรรณนาแต่อย่างใด สำหรับเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อชาร์ปของจำเลยที่ 1 นั้น ก็เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อชาร์ปตกแก่โจทก์แล้วขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์คืนเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อชาร์ปแก่จำเลยที่ 1 ถ้าส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 15,000 บาท และให้จำเลยที่ 1 คืนเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อมิต้าแก่โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 64,000 บาท ในกรณีใช้ราคาแก่กันให้เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ฟ้องและฟ้องแย้งนอกจากที่กล่าวแล้วให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องของโจทก์คำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และคำให้การของโจทก์แก้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวมีเพียงว่า สัญญาซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นการซื้อขายตามคำพรรณนาหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสัญญาซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่เป็นการซื้อขายตามคำพรรณนาเป็นการซื้อขายธรรมดาแล้ววินิจฉัยต่อไปอีกว่า แต่เป็นการซื้อขายมีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ชำระราคาให้โจทก์อีก 49,000 บาทการชำระราคายังไม่เสร็จเรียบร้อย กรรมสิทธิ์ในเครื่องถ่ายเอกสารยังไม่โอนไปยังจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อ และเครื่องถ่ายเอกสารที่โจทก์ขายให้แก่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถถ่ายเอกสารได้ถึง 3,500 แผ่นต่อผงหมึก 1 หลอด ตามคำโฆษณาของโจทก์ จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ เป็นการวินิจฉัยคดีที่ขัดแย้งกันเองและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นว่าการซื้อขายเครื่องถ่ายเอกสารระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นการซื้อขายที่มีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459แล้วพิพากษายืน จึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นข้อพิพาทไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ซึ่งประเด็นนี้แม้โจทก์มิได้ฎีกาแต่เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 243(1), 247 และเห็นสมควรย้อนสำนวนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อให้พิพากษาใหม่ให้ตรงตามประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share