แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อบังคับของจำเลยมีว่า วันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่อนุญาตให้มีวันหยุดสะสม หากพนักงานไม่ใช้วันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้นก็จะตัดสิทธิในการพักผ่อนประจำปีนั้นไปโดยไม่คิดทบเป็นปีให้… ฯลฯ ดังนี้เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิขอหยุดพักผ่อนประจำปีและจำเลยก็มิได้กำหนดให้โจทก์หยุด โจทก์จึงไม่มีสิทธิสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีเพื่อใช้สิทธิหยุดรวมกันในปีต่อไปอีกได้ สิทธิในการหยุดพักผ่อนประจำปีของโจทก์ที่ผ่านมาแล้วจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีก่อนที่เลิกจ้างได้ คงมีสิทธิเรียกร้องได้เฉพาะค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้าง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะไม่พอใจโจทก์เป็นส่วนตัว เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างส่วนนี้ตามระเบียบของจำเลย โจทก์ประพฤติผิดระเบียบการทำงานหลายประการ จำเลยได้ตักเตือนแล้ว และได้บอกกล่าวล่วงหน้าก่อนเลิกจ้างแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างเป็นธรรมจำเลยจ่ายค่าชดเชยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามข้อบังคับของจำเลย พิพากษาให้จำเลยชำระสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีว่า ข้อบังคับของจำเลยกำหนดไว้ว่าพนักงานมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีจะต้องขออนุมัติล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงจะหยุดได้ หากไม่ยื่นคำร้องบริษัทฯ จะเป็นผู้กำหนดให้ตามความเหมาะสม และถ้ากำหนดให้หยุดแล้วพนักงานไม่หยุดให้ถือว่าพนักงานผู้นั้นไม่ประสงค์จะใช้สิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปีและจะเรียกสิ่งตอบแทนใดๆ จากบริษัทฯ มิได้ อนึ่ง วันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่อนุญาตให้มีวันหยุดสะสม หากพนักงานไม่ใช้วันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้นก็จะตัดสิทธิในการพักผ่อนประจำปีนั้นไปโดยไม่คิดทบเป็นปีให้ ยกเว้นในกรณีที่บริษัทไม่สามารถให้หยุดได้และเป็นเหตุให้เลยกำหนดการใช้สิทธิของปีนั้นๆ ไปศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิขอหยุดพักผ่อนประจำปีและจำเลยก็มิได้กำหนดให้โจทก์หยุด โจทก์ก็ไม่มีสิทธิสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีเพื่อใช้สิทธิหยุดรวมกันในปีต่อไปอีกได้ ดังนั้นสิทธิในการหยุดพักผ่อนประจำปีของโจทก์ที่ผ่านมาแล้วจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จำนวน ๖ วันได้ แต่ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ โจทก์มีคำขอให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีโดยคิดเฉลี่ยตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๒๘ ถึงวันที่๒๗ มีนาคม ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นวันเลิกจ้างจำนวน ๒ วัน และได้ความว่าโจทก์ยังคงมีสิทธิที่จะหยุดพักผ่อนประจำปีในช่วงระยะเวลานี้ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องได้ตามขอเป็นเงิน ๕๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเป็นเงิน ๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.