แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงไปทางรถยนต์ที่ผู้เสียหาย 4 คนนั่งอยู่ 3 นัด ในขณะที่รถแล่นห่างไปได้ประมาณ10 วา กระสุนปืนถูกกะบะไม้ท้ายรถแตกเป็นรอย 5-6 แห่ง จำเลยจะโต้เถียงว่าจำเลยไม่มีเจตนายิงผู้เสียหายเนื่องจากรถแล่นไปไกลแล้วพ้นระยะอันตรายจากกระสุนปืนแล้ว ยากที่จะเลือกยิงคนหนึ่งคนใด นั้น หาได้ไม่ เพราะแรงระเบิดของกระสุนปืนยังทำให้กะบะไม้ท้ายรถแตกเป็นรอย 5-6 แห่ง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงตายได้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกสั้นไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งได้ร่วมกันใช้ปืนคนละกระบอกยิงทำร้ายนายเทิ่ม หวังช่วยกลางนายสนิท ฉอ้อนครบุรี นายสว่าง แสงจะบก และนายสว่าง ถมเมืองปักโดยเจตนาฆ่าให้ตาย จำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 และริบปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่รับว่ามีอาวุธปืนของกลางไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ของกลางริบ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83 ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงพวกผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 อีกกระทงหนึ่ง เหตุเกิดก่อนประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 จะประกาศใช้บังคับจึงอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาใช้ในกรณีนี้ เนื่องจากเป็นคุณแก่จำเลย โดยให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุด ให้จำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเมาสุรามาพูดขอเหล้า ขอเงินจากผู้เสียหายขณะที่รถยนต์ผู้เสียหายติดหล่อม พวกผู้เสียหายคนหนึ่งไม่ยอมให้จำเลยห้ามไม่ให้ไปถ้าไปจะยิง เมื่อรถแล่นออกไปได้ประมาณ 10 วา จำเลยกับพวกก็ใช้ปืนยิงไปทางรถที่พวกผู้เสียหายนั่ง การที่จำเลยกับพวกใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางรถยนต์ที่พวกผู้เสียหายนั่งอยู่บนรถในขณะที่รถแล่นไปได้ประมาณ 10 วา เช่นนี้จะว่าจำเลยไม่มีเจตนายิงผู้เสียหายเนื่องจากรถแล่นไปไกลแล้ว พ้นระยะอันตรายจากกระสุนปืนแล้ว จำเลยจะเลือกยิงคนหนึ่งคนใดก็ยาก ดังที่จำเลยฎีกาโต้เถียงนั้น หาได้ไม่ เพราะแรงระเบิดของกระสุนปืนที่ยิง ทำให้กะบะไม้ท้ายรถแตกเป็นรอย 5-6 แห่ง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกร่างกายผู้เสียหายถึงตายได้ จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า หากแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนพลาดไปถูกกะบะรถเสียก่อน จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ที่ศาลอุทธรณ์กล่าวถึงประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 แล้วให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เนื่องจากเป็นคุณแก่จำเลยนั้นไม่ถูกต้องเพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 2 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นั้น ไม่เป็นคุณแก่จำเลย ก็ย่อมนำมาปรับบทไม่ได้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่กรณีที่ใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เดิม โดยอาศัยมาตรา 3 และเห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
พิพากษาแก้เป็นว่า อาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดวางโทษจำคุกจำเลย 10 ปี ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์