คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยถือท้ายเรือโดยประมาทชนสะพานสาธารณะถึงเสาหัก 2 ต้นสะพานชำรุด ขอให้ลงโทษฐานทำโดยประมาทตามมาตรา 191,201 นั้นถือได้แล้วว่าเป็นคำบรรยายฟ้องที่สมบูรณ์และถ้าหากจำเลยกระทำดั่งข้อกล่าวหาของโจทก์เรียกได้ว่ากระทำให้เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ต้องตามมาตรา 201(1) อันเป็นความผิดที่จะต้องรับโทษอาญาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยผู้เป็นนายท้ายเรือควบคุมเรือยนต์ได้กระทำการโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปกติชนโดยไม่ติดต่อให้เรือจูงเบาเครื่องให้วิ่งช้าลงกว่าปกติในขณะที่ให้เรือยนต์ลำอื่นจูงเพราะเครื่องยนต์เสียและมิได้ถือท้ายเรือให้แล่นอยู่กึ่งกลางลำคลองเป็นเหตุให้เรือที่จำเลยถือท้ายชนเสาสพานสาธารณะสำหรับใช้ไปมาข้ามคลองที่วัดป่าระกำล่างหักไป 2 เสาเสียหายประมาณ 4,500 บาท ทำให้สพานชำรุดจนสามารถอาจเกิดอันแก่การไปมา เหตุเกิดที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 191, 201, 43

จำเลยให้การปฏิเสธความผิดและว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมิได้ถือท้ายเรือ

ศาลจังหวัดปากพนังพิจารณาแล้วพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยยังหากระทำให้เกิดเป็นความผิดในทางอาญาไม่ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สืบพยานให้เสร็จสิ้นกระแสความแล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีเรื่องนี้แล้วโจทก์ฟ้องว่าจำเลยถือท้ายเรือชนสพานสาธารณะถึงเสาหัก 2 ต้นสพานชำรุดโจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำให้โดยประมาทตาม มาตรา 191, 201

ศาลนี้เห็นพ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าถ้าจำเลยกระทำดังข้อกล่าวหาของโจทก์เรียกได้ว่ากระทำให้เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ต้องตาม มาตรา 201(1) อันเป็นความผิดที่จะต้องรับอาญาศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลย

Share