คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เช่าตึกแถวจากวัด แต่ไม่สามารถเข้าครอบครองได้เพราะจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้รอนสิทธิพร้อมกับขอให้ศาลเรียกวัดผู้ให้เช่าเข้าเป็นจำเลยร่วมหรือโจทก์ร่วมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 549 ประกอบมาตรา 477 ได้.(ที่มา-เนติ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าตึกแถว 3 ห้องจากวัดเนินสุทธาวาส แต่ไม่สามารถเข้าครอบครองทำประโยชน์ได้ เพราะจำเลยทั้งหกและบริวารซึ่งอาศัยอยู่ในตึกแถวดังกล่าวไม่ยอมย้ายออกไปขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย พร้อมกับคำฟ้องโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกวัดเนินสุทธาวาสเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง (สั่งในคำฟ้อง) โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้รับฟ้องของโจทก์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกออกจากตึกแถวที่โจทก์เช่าจากวัดเนินสุทธาวาสเพราะจำเลยทั้งหกอาศัยอยู่ในตึกแถวดังกล่าวไม่ยอมออกไป ทำให้โจทก์ไม่สามารถเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในตึกแถวดังกล่าวได้ เป็นการฟ้องจำเลยทั้งหกผู้รอนสิทธิมิให้โจทก์เข้าใช้สิทธิได้ตามสัญญาเช่า ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ศาลเรียกวัดเนินสุทธาวาสผู้ให้เช่าเข้าเป็นจำเลยร่วมหรือโจทก์ร่วมกับโจทก์ก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 549 ประกอบมาตรา 477 และโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกวัดเนินสุทธาวาสเข้าเป็นโจทก์ร่วมมาพร้อมกับคำฟ้องของโจทก์แล้ว ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ฟ้องมาโดยลำพังศาลชั้นต้นชอบที่จะต้องพิจารณาคำร้องขอให้เรียกวัดเนินสุทธาวาสเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมประกอบคำฟ้องของโจทก์ด้วยถ้าศาลเรียกวัดเนินสุทธาวาสเข้าเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และวัดเนินสุทธาวาสก็มีอำนาจดำเนินคดีกับจำเลยทั้งหกต่อไปได้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 2945/2523 ระหว่างบริษัทสหกรุงเทพพัฒนา จำกัด โดยนายดุสิต พนาพันธ์ ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผู้ร้องสอด นายบุญชิดบุญวณิชย์ กับพวก จำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งหกฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งหกใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์800 บาท.

Share