แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน คู่สัญญามีหน้าที่ต้องชำระหนี้ซึ่งกันและกันหรือต่างก็เป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ การที่จำเลยโอนขายกิจการรวมทั้งโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่บริษัทท.หาใช่การโอนสิทธิเรียกร้องแต่เพียงอย่างเดียวไม่หากแต่จำเลยได้โอนความเป็นลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่บริษัทท.ด้วย จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 จะต้องทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ แต่โจทก์และบริษัทท.มิได้ทำสัญญาต่อกัน ดังนั้น จำเลยจะยกข้อต่อสู้ที่ว่าจำเลยได้โอนกิจการไปให้บริษัทท.ขึ้นยันโจทก์ไม่ได้จำเลยยังคงจะต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อต่อโจทก์ เมื่อจำเลยไม่สามารถส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์ได้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้ออาคารพาณิชย์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและรับทำการก่อสร้างในบริเวณศูนย์การค้า จากจำเลย 1 ห้อง ราคา 240,000 บาท โดยวางเงินมัดจำในวันทำสัญญา40,000 บาท เงินที่เหลือตกลงจะผ่อนชำระให้เป็นงวด โจทก์ชำระเงินงวดที่ 1, 2 และ 4 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2521, 18กรกฎาคม 2521 และวันที่ 11 มกราคม 2522 ตามลำดับรวมเงินที่โจทก์ชำระแล้ว 3 งวด เป็นเงิน 160,000 บาท ยังคงค้างอีก 80,000 บาทปรากฏว่าจำเลยไม่ได้สร้างอาคารพาณิชย์ให้เสร็จตามสัญญางวดที่ 5โจทก์ทราบภายหลังว่าจำเลยขายกิจการทั้งหมดให้บริษัททีซี-มัยซินอุตสาหกรรม จำกัด การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอคิดค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 40,000 บาท 20,000 บาท และ100,000 บาท นับแต่วันชำระจนถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย 25,250 บาท12,750 บาท และ 58,750 บาท ตามลำดับรวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นจำนวน 256,750 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 256,750 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 160,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยโอนขายกิจการทั้งหมดให้แก่บริษัททีซี-มัยซินอุตสาหกรรม จำกัด แล้ว ผู้รับโอนจะต้องรับโอนไปทั้งสิทธิหน้าที่และจำเลยผู้โอนได้แจ้งเรื่องนี้แก่โจทก์แล้วนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงไม่มีต่อกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 160,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน40,000 บาท 20,000 บาท และ 100,000 บาท นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน2521 วันที่ 18 กรกฎาคม 2521 และวันที่ 11 มกราคม 2522 ตามลำดับเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยได้โอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อไปยังบุคคลภายนอกทำให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ และโจทก์ใช้สิทธิโดยสุจริตหรือไม่เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน คู่สัญญามีหน้าที่ต้องชำระหนี้ซึ่งกันและกันหรือต่างก็เป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้การที่จำเลยโอนขายกิจการรวมทั้งโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่บริษัททีซี-มัยซินอุตสาหกรรม จำกัด หาใช่การโอนสิทธิเรียกร้องแต่เพียงอย่างเดียวไม่หากแต่จำเลยได้โอนความเป็นลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่บริษัททีซี – มัยซินอุตสาหกรรม จำกัด ด้วยจึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 นั้นจะต้องทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ และจะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมไม่ได้แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าโจทก์และบริษัททีซี – มัยซินอุตสาหกรรม จำกัด ได้ทำสัญญาต่อกัน ทั้งจำเลยก็มิได้บอกกล่าวการโอนหนี้เป็นหนังสือให้โจทก์ทราบและโจทก์มิได้ยินยอมเป็นหนังสือ ดังนั้น จำเลยจะยกข้อต่อสู้ที่ว่าจำเลยได้โอนกิจการไปให้บริษัททีซี – มัยซินอุตสาหกรรม จำกัด ขึ้นยันโจทก์ไม่ได้ จำเลยยังคงจะต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อต่อโจทก์ เมื่อจำเลยไม่สามารถส่งมอบทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์ได้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา”
พิพากษายืน