แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ถ้าให้โจทก์บังคับคดีโดยโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดไปแล้ว หากต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จะทำให้การขายทอดตลาดใหม่เกิดความยุ่งยากโปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 195)
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 คือ ที่ดินโฉนดที่ 4217 และ 4285 ตำบลธานีอำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม ก่อนขายทอดตลาดนายยุทธนาหงสนันท์ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ถึงแก่กรรม ศาลแพ่งได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 1 แล้ว ผู้ร้องได้แต่งตั้งให้นายปรีชา เจริญผลเป็นทนายความของจำเลยเพื่อดำเนินการต่อไป และต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าว มีแต่โจทก์ผู้เดียวเข้าประมูลซื้อโดยเสนอราคา 4,500,000 บาท ทนายจำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านต่อศาลชั้นต้นในวันเดียวกันว่าราคาต่ำไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอนุญาตให้ขายได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ทนายจำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 190,189)
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ระงับการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทไว้ในระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 174)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณีนี้มิใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับ แต่เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง และคดีมีเหตุอันสมควรจึงให้ระงับการโอนทรัพย์พิพาทไว้ในระหว่างฎีกา