แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายจ้างได้กำหนดจ่ายค่าจ้างเดือนละ 2 ครั้งคือวันที่ 9 และวันที่ 24 ของทุกๆ เดือน นายจ้างบอกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2525 การเลิกจ้างย่อมมีผลในวันที่ 24 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นวันถึงกำหนดจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างในคราวถัดไป นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2525 ซึ่งเป็นวันบอกกล่าวจึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าถึงวันที่ 23 มกราคม 2526
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างประจำโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและโดยโจทก์ทั้งสองไม่ได้กระทำความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าที่ยังขาดพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าที่ยังจ่ายไม่ครบพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ทั้งสองครบแล้วหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้กำหนดจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ 2 ครั้งคือ วันที่ 9 และ 24 ของทุกๆ เดือน จำเลยบอกเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2525 การเลิกจ้างย่อมมีผลในวันที่ 24 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นวันถึงกำหนดจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างในคราวถัดไป จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2525 ซึ่งเป็นวันบอกกล่าว จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าถึงวันที่ 23 มกราคม 2526 แต่จำเลยจ่ายสินจ้างแก่โจทก์ทั้งสองเพียงวันที่ 15 มกราคม 2526 จึงขาดอยู่ 8 วันตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน