คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้เพราะเป็นคู่ความรายเดียวกัน ดังนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จึงเป็นการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุขึ้นใหม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ ๑๕๐ บาท บัดนี้โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าและให้จำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาท ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออก ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากตึกแถวที่เช่า ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและภาษีโรงเรือนที่โจทก์ต้องเสียแทน
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกแถว แต่เป็นของคุณหญิงจรูญซึ่งใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่เคยค้างค่าเช่าและภาษีโรงเรือน ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวพิพาท ให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและค่าภาษีโรงเรือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๗๐๘/๒๕๒๓ ซึ่งคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้เพราะเป็นคู่ความรายเดียวกัน ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวเลขที่ ๑๗ ถนนราชบพิธ แขวงวัดราชบพิธ ซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้จึงชอบแล้ว
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าฉบับลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๐ แต่คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าฉบับลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๐ จึงเป็นการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุขึ้นใหม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
พิพากษายืน

Share