แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ออกเช็คผู้ถือ จำเลยเป็นผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงเช็คนั้นเมื่อเช็คถึงกำหนด จำเลยนำไปขึ้นเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะฟ้องโจทก์ว่ากระทำผิดอาญาฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คได้ ไม่เป็นฟ้องเท็จ และการที่จำเลยเบิกความไปตามคำฟ้องก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175, 177, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามทางไต่สวนฟังไม่ได้ว่าจำเลยทราบว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่โจทก์มอบให้นางสาวแน่งน้อยนำไปใช้ค้ำประกันเงินกู้ที่นางสาวแน่งน้อยกู้จากนางบุญช่วงการที่จำเลยฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องเท็จ เมื่อไม่เป็นฟ้องเท็จข้อหาฐานเบิกความเท็จจึงรับฟังไม่ได้เช่นเดียวกัน คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาเป็นข้อแรกว่า ฟ้องของจำเลยที่ฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 147/2528ว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 เป็นฟ้องเท็จเพราะความจริงแล้วเช็คที่โจทก์ออกให้จำเลยในคดีดังกล่าวเป็นเช็คที่นางสาวแน่งน้อย คามดิษฐ์ยืมโจทก์เพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้ มิใช่เป็นเช็คที่โจทก์ออกให้จำเลยเพื่อชำระหนี้ให้แก่จำเลยตามที่จำเลยบรรยายฟ้อง นั้นเห็นว่า จำเลยมิได้เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ของนางสาวแน่งน้อยหากโจทก์จะออกเช็คพิพาทให้แก่นางสาวแน่งน้อยนำไปใช้ค้ำประกันเงินกู้ผู้อื่น จำเลยก็ไม่อาจทราบได้ว่าเช็คฉบับดังกล่าวเป็นเช็คที่ออกเพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้ ตามที่นำสืบของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว เฉพาะอย่างยิ่งเช็คฉบับที่ฟ้องร้องกันนี้ เป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยเป็นผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงเช็คนั้น เมื่อเช็คถึงกำหนด จำเลยนำไปขึ้นเงินจากธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะฟ้องโจทก์ว่ากระทำผิดอาญาฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ได้ ฟ้องของจำเลยจึงไม่เป็นฟ้องเท็จ จำเลยไม่มีความผิดฐานฟ้องเท็จ ส่วนที่โจทก์ฎีกาเป็นข้อที่สองว่า การที่จำเลยเบิกความในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 147/2528 ของศาลชั้นต้นดังกล่าวว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คฉบับที่ฟ้องร้องกันเพื่อชำระหนี้ให้แก่จำเลยซึ่งความเป็นจริงเป็นเช็คที่โจทก์ออกเพื่อค้ำประกันเงินกู้ให้แก่นางบุญช่อง วราศิระ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น เห็นว่าเมื่อจำเลยไม่มีความผิดฐานฟ้องเท็จ การที่จำเลยเบิกความไปตามคำฟ้องจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จเช่นเดียวกัน และเมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้องดังกล่าวแล้วจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ต่อไป เพราะไม่เป็นสาระแก่คดีที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน