คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3011/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำร้องขอของผู้คัดค้านอ้างว่าผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม พินัยกรรมตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเป็นพินัยกรรมปลอม หากเป็นจริงตามคำร้องคัดค้าน ผู้ร้องก็ไม่เป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม อันจะถือว่าผู้ร้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ร้องก็ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1713 มาแต่ต้น นอกจากนี้ ตามคำร้องคัดค้านก็อ้างว่าผู้ตายไม่มีทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(1) ถึง (3)ส่วนผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมตามมาตรา 1629(4) หากเป็นจริง ผู้คัดค้านย่อมเป็นทายาทที่มีสิทธิรับมรดก นับว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 1727ที่จะยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกเพราะกรณีมีเหตุอย่างอื่นที่สมควร ศาลชั้นต้นจึงต้องรับคำร้องคัดค้านไว้ไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงเสียก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางศกุนตลา ดีท่า ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนางสาวบุบผา นพเก้า ผู้ตาย ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบิดาของผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยขอให้เพิกถอนพินัยกรรม เพราะไม่เชื่อว่านางสาวบุบผาทำพินัยกรรม และทำพินัยกรรมขณะมีสติดีพอ ผู้คัดค้านเป็นน้องร่วมมารดาเดียวกันกับนางสาวบุบผา จึงเป็นทายาทโดยธรรมที่เหลือเพียงคนเดียวของนางสาวบุบผา ผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสีย แต่ผู้ร้องส่องพฤติการณ์ไม่สุจริตปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องทายาทและทรัพย์มรดกทั้งมิได้ลงมือจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาและตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้มีคำสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทน

ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องคัดค้านแล้วมีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านมิได้เข้ามายื่นคำร้องคัดค้านในชั้นไต่สวน เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกแล้ว จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านนี้ ทั้งศาลพึ่งมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก ยังไม่ปรากฏว่าผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลดังกล่าวจัดการมรดกไม่ชอบอย่างไรและผู้คัดค้านก็มิใช่ทายาทตามพินัยกรรม จึงไม่มีเหตุที่จะขอเพิกถอน ให้ยกคำร้องคัดค้าน

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องคัดค้านไว้ดำเนินการพิจารณาแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องขอของผู้คัดค้านอ้างว่าผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม พินัยกรรมตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเป็นพินัยกรรมปลอม หากเป็นจริงตามคำร้องคัดค้านว่า พินัยกรรมตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเป็นพินัยกรรมปลอม ผู้ร้องก็ไม่เป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม อันจะถือว่าผู้ร้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ร้องก็ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 มาแต่ต้น นอกจากนี้ตามคำร้องคัดค้านก็อ้างว่าผู้ตายไม่มีทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(1) ถึง (3) ส่วนผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมตามมาตรา 1629(4)หากเป็นจริงผู้คัดค้านย่อมเป็นทายาทที่มีสิทธิรับมรดก นับว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 1727 ที่จะยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกเพราะกรณีมีเหตุอย่างอื่นที่สมควรซึ่งศาลชั้นต้นจะต้องรับคำร้องคัดค้านไว้ไต่สวน เพื่อให้ได้ความจริงเสียก่อน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านไว้ดำเนินการพิจารณาแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีชอบแล้ว

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้รวมสั่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่

Share