แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกให้ชำระเงินกู้ตามสัญญาจำนองจำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ขายรถยนต์กับหุ้นให้จำเลยที่ 2 โดยให้จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระเงินครึ่งหนึ่งส่วนที่เหลือโจทก์ให้จำเลยที่ 2 นำที่ดินมีชื่อ ของจำเลยที่ 1มาจำนองและให้ถือว่า จำเลยที่ 1 กู้และรับเงินจากโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 นำเงินดังกล่าวชำระราคารถที่เหลือแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 2 ผ่อนชำระค่ารถครบถ้วน และจำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยมาตลอด ขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถและหุ้นให้จำเลยที่ 2 ดังนี้ หนี้ที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์กับหุ้นเป็นหนี้คนละส่วนมิได้เกี่ยวข้องกับหนี้จำนองที่โจทก์ฟ้องเดิม ทั้งโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วให้ชำระหนี้จำนอง มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับรถยนต์และหุ้นที่จำเลยที่ 2 ซื้อเป็นส่วนตัวจากโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะมีกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยที่ 1 ในที่ดินที่จำนองฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถยนต์กับหุ้นก็หาได้เกี่ยวข้องกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1ให้ชำระหนี้จำนองไม่ ฟ้องแย้งจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์และได้จำนองที่ดินเป็นประกันเงินกู้ดังกล่าวต่อมาจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม นับแต่กู้เงินไปไม่เคยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์เลย โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาจำนองไปยังจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกแล้ว ขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย รวม 320,000 บาทกับดอกเบี้ย อัตราร้อยละ12 ต่อปี ในต้นเงิน จำนวน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การและฟ้องแย้ง กับแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ขายรถยนต์โดยสารจำนวน 1 คัน พร้อมใบหุ้นในบริษัทขนส่งอีก 1 หุ้น แก่จำเลยที่ 2 โดยให้จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระเงินครึ่งหนึ่งเป็นรายเดือน ส่วนราคารถที่เหลือโจทก์ให้จำเลยที่ 2นำที่ดินพิพาทที่มีชื่อจำเลยที่ 1 ถือกรรมสิทธิ์จำนองไว้กับโจทก์โดยให้ถือว่า จำเลยที่ 1 กู้และรับเงินจากโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2นำเงินจำนวนดังกล่าว ชำระราคารถที่เหลือแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 2 ผ่อนชำระราคารถยนต์จนครบ และจำเลยที่ 1 ส่งดอกเบี้ยแก่โจทก์ตลอดมา จำเลยที่ 2 แจ้งให้โจทก์โอนทะเบียนรถกับหุ้นให้ตามสัญญาโจทก์ไม่ยอมอ้างว่าชำระหนี้จำนองไม่ครบถ้วน จำเลยที่ 2 ได้ชำระเงินให้โจทก์ต่อมา และให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาอีก โจทก์กลับมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนอง ขอให้บังคับโจทก์รับชำระหนี้ที่เหลืออีก 131,000 บาท และโอนทะเบียนรถยนต์พร้อมหุ้นให้จำเลยที่ 2กับให้โจทก์จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งที่ให้โจทก์โอนรถยนต์และหุ้นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมโจทก์ไม่เคยตกลงให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ชำระดอกเบี้ยจำนองพร้อมกับผ่อนชำระราคาค่ารถ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรมขณะฟ้อง และไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 1 ด้วย ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องแย้งและสั่งไม่รับฟ้องแย้งจำเลยที่ 2 และไม่รับคำให้การแก้ฟ้องแย้งของโจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 2 ฎีกาข้อแรกว่า จำเลยที่ 1ทำสัญญาจำนองที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องเพื่อประกันหนี้เงินจำนวน20,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นในบริษัทขาวบางเลนขนส่ง จำกัด จากโจทก์ ที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งให้โจทก์รับชำระหนี้จำนองจำนวนเงิน 131,000 บาท และโอนทะเบียนรถยนต์โดยสารประจำทางพร้อมหุ้นดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 จึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 หาได้ให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยที่ 1 จำนองที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องเพื่อประกันหนี้เงินจำนวน 200,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นจากโจทก์ดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาไม่ หากแต่จำเลยที่ 2ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์โดยสารประจำทางพร้อมหุ้นจากโจทก์เป็นเงิน 400,000 บาท โดยโจทก์ให้จำเลยที่ 2ผ่อนชำระราคาจำนวน 200,000 บาทแก่โจทก์ กับโจทก์ให้จำเลยที่ 1จำนองที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์อีกเป็นเงิน 200,000 บาท โดยให้ถือว่าจำเลยที่ 1 กู้และรับเงินจำนวนดังกล่าวจากโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2ชำระเงินจำนวนนั้นแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 ชำระราคารถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ส่วนหนี้จำนองตามที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้คนละส่วนกัน โจทก์จึงต้องโอนทะเบียนรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 นอกจากจำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งดังกล่าวแล้ว หนังสือสัญญาซื้อขายท้ายคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อกันก็มีข้อความว่า ในวันทำสัญญาซื้อขาย จำเลยที่ 2 ชำระราคาเป็นเงิน 200,000 บาทแล้วส่วนราคาที่ยังค้างชำระอีกเป็นเงิน 200,000 บาท จำเลยที่ 2 จะผ่อนชำระเป็นเงินเดือนละ 4,000 บาท ดังนี้ ตามที่จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งจึงเห็นได้ว่า จำเลยที่ 2 เองก็ยอมรับว่า หนี้ที่จำเลยที่ 2ซื้อรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นตามที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งนั้นเป็นหนี้คนละส่วนมิได้เกี่ยวข้องกับหนี้จำนองที่โจทก์ฟ้องเดิมอนึ่ง การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินและจำนองที่ดินไว้กับโจทก์แล้วจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ จำเลยที่ 1ถึงแก่กรรม โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1 ให้ชำระนั้น โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นที่จำเลยที่ 2 ซื้อเป็นส่วนตัวไปจากโจทก์แต่อย่างใด การที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นให้จำเลยที่ 2 เป็นส่วนตัวตามหนังสือสัญญาซื้อขายที่โจทก์และจำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อกันจึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ส่วนข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ที่ดินที่จำเลยที่ 1 จำนองไว้กับโจทก์เป็นที่ดินซึ่งจำเลยที่ 2 มีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยกึ่งหนึ่งในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1การที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งจึงเกี่ยวกับฟ้องเดิมโดยตรงนั้น เห็นว่าแม้จะฟังข้อเท็จจริงดังจำเลยที่ 2 อ้างก็ตาม การที่จำเลยที่ 2มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่จำเลยที่ 1 จำนองไว้กับโจทก์กับการที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถยนต์โดยสารประจำทางและหุ้นให้แก่จำเลยที่ 2 หาเกี่ยวข้องกับการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้จำนองไม่ฟ้องแย้งดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความในชั้นนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,000 บาท.