แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำเลยที่ 2 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกแถวชั้นที่สองตึกแถวชั้นล่างเป็นสำนักงานของอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมี ช. เป็นกรรมการของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองถูกฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลจะนำหมายศาลไปปิดไว้ที่ประตูบริษัทชั้นล่าง สำนักงานบริษัททั้งสองตามที่ได้จดทะเบียนต่อ กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้แบ่งแยกออกจากกันให้เป็นสัดส่วน ป้ายแสดงชื่อสำนักงานบริษัททั้งสองต่างอยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักงาน เช่นนี้ การที่โจทก์นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาพร้อมสำเนาคำฟ้อง หมายเรียก หมายนัดสืบพยานโจทก์ส่งให้บริษัทจำเลยที่ 2 โดยการปิดหมายที่หน้าประตูสำนักงานชั้นล่าง เนื่องจากคนในสำนักงานไม่ยอมรับหมาย อ้างว่าผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ จึงเป็นการส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา สำเนาคำฟ้อง หมายเรียก และหมายนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยที่ 2 เพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เมื่อรับคำบังคับอันจะให้จำเลยที่ 2 ขอพิจารณาใหม่ได้.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่เฉพาะคดีส่วนของจำเลยที่ 2
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทจำเลยที่ 2 กับบริษัทสหมิตรขนส่งจำกัด มีนายชาญ เวสารัชชานนท์ เป็นกรรมการ บริษัททั้งสองต่างมีสำนักงานอยู่ตึกแถวสองชั้น เลขที่ 1107 ถนนทรงวาด แขวงสัมพันธ์วงศ์กรุงเทพมหานคร แต่แยกที่ทำการสำนักงานเป็นสัดส่วน โดยบริษัทสหมิตรขนส่ง จำกัด ตั้งสำนักงานอยู่ชั้นล่าง มีนายสัญญา ใจเรืองลูกจ้างนั่งอยู่บริเวณประตูทางเข้าเป็นคนคอยรับเอกสารที่ส่งมาให้บริษัท ตามปกติเมื่อบริษัททั้งสองถูกฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลมักจะนำหมายศาลไปปิดไว้ที่ประตูบริษัทชั้นล่างเพราะเหตุพนักงานของบริษัททั้งสองมักจะไม่รับหมายศาลโดยนายสัญญาจะเห็นเวลาเจ้าหน้าที่ศาลมาส่งหมายทุกครั้ง เห็นว่า สำนักงานบริษัททั้งสองตามที่ได้จดทะเบียต่อกระทรวงพาณิชย์นั้น ไม่ได้แบ่งแยกออกจากกันให้เป็นสัดส่วน ดังจะเห็นได้จากป้ายแสดงชื่อสำนักงานบริษัททั้งสองต่างอยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักงานปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ร.2 ทั้งได้ความจากนายวิชัยยิ่งสุนทรวัฒนา นายประโยชน์ ใจเพชร เจ้าพนักงานเดินหมายกรมบังคับคดี พยานโจทก์เบิกความประกอบรายงานการเดินหมายในสำนวนลงวันที่ 25 มีนาคม 2528 วันที่ 22 เมษายน 2528 วันที่ 10 มิถุนายน2528 วันที่ 2 สิงหาคม 2528 สอดคล้องกันว่า โจทก์ได้นำส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา พร้อมสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2ในวันที่ 22 มีนาคม 2528 และวันที่ 19 เมษายน 2528 ตามลำดับ ส่งหมายเรียกให้จำเลยที่ 2 แก้คดีในวันที่ 5 มิถุนายน 2528 และส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2528 และวันที่ 23 สิงหาคม 2528 ตามลำดับ โดยการปิดหมายที่หน้าประตูสำนักงาชั้นล่าง เนื่องจากคนในสำนักงานไม่ยอมรับหมาย อ้างว่าผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าโจทก์ได้ส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา สำเนาคำฟ้องหมายเรียก หมายนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เมื่อรับคำบังคับคดีจากศาล
พิพากษายืน.