แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องใช้ชื่อของจำเลยที่ 1 เข้าประมูลงานก่อสร้างกับทางราชการ ประมูลได้แล้วผู้ร้องได้ดำเนินการแต่ผู้เดียว แม้กิจการรับเหมาก่อสร้างดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง โดยจำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนผู้ร้องก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องผู้ร้องซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ ยอมให้จำเลยที่ 1 ตัวแทนทำการออกนอกหน้าเป็นตัวการผู้ร้องจึงไม่อาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยที่ 1 และขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 806 ดังนั้น ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์ขอให้เพิกถอนการอายัดสิทธิเรียกร้องค่าก่อสร้างของจำเลยที่ 1 อันมีต่อทางราชการ ซึ่งศาลมีคำสั่งอายัดตามคำขอของโจทก์หาได้ไม่.
ย่อยาว
มูลกรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง และโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยทั้งสองยอมใช้เงินให้โจทก์จำนวน371,412 บาท โดยแบ่งชำระเป็นงวด จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดี ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 จะได้รับเงินจากกรมอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ตามสัญญาจ้างก่อสร้างรวมเป็นเงิน 600,000 บาทเศษซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ผู้รับมอบอำนาจจากกรมอาชีวศึกษากำลังจะจ่ายให้แก่จำเลยที่ 1 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้อายัดเงินของจำเลยที่ 1 จำนวน 371,412 บาท โดยให้ส่งเงินจำนวนนี้ต่อศาลเพื่อชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาต่อไป ศาลได้มีคำสั่งให้อายัดตามขอและวิทยาลัยเกษตรกรรมนครสวรรค์ได้ส่งมอบเงินต่อศาลตามหมายอายัดแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สิทธิรับเงินค่ารับเหมาก่อสร้างทั้งหมดเป็นของผู้ร้อง เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของผู้ร้องในการเข้าทำสัญญารับเหมาก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมนครสวรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของผู้ร้องที่ทำการออกหน้าเป็นตัวการ สิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างเป็นของผู้ร้องทั้งสิ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิอายัดเงินของผู้ร้อง ขอให้ไต่สวนแล้วมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เงินค่าก่อสร้างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ส่งมาศาลนั้นเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นทรัพย์ของผู้ร้อง สัญญายืมใช้ชื่อห้างที่ผู้ร้องอ้างมานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอก สัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกับจำเลยร่วมสมคบกันทำขึ้น เพราะผู้ร้องเป็นผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง ได้ส่งวัสดุก่อสร้างไปให้จำเลยก่อสร้างตามสัญญาจ้างดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่เป็นจำนวนมากจึงได้ทำสัญญายืมใช้ชื่อห้างไว้เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้ร้องเกี่ยวกับค่าวัสดุก่อสร้างที่ผู้ร้องลงทุนให้จำเลยไป หาใช่เป็นกิจการของผู้ร้องไม่ ขอให้ศาลพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เงิน 371,412 บาท ซึ่งวิทยาลัยเกษตรกรรมนครสวรรค์ ส่งมอบต่อศาลตามคำสั่งอายัดนั้นเป็นของผู้ร้องให้เพิกถอนคำสั่งอายัด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า เงินจำนวน 371,412 บาทซึ่งศาลชั้นต้นสั่งอายัดไว้นั้นเป็นของผู้ร้องหรือของจำเลย ปัญหานี้ผู้ร้องอ้างว่า กิจการรับเหมาก่อสร้างวิทยาลัยเกษตรกรรมนครสวรรค์เป็นกิจการของผู้ร้อง โดยผู้ร้องอาศัยชื่อของจำเลยที่ 1 เพื่อเข้าประมูลกับทางราชการเท่านั้น ความข้อนี้ผู้ร้องมีพยานคือ เอกสารหมายร.1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ยอมให้ผู้ร้องยืมชื่อจำเลยที่ 1 เข้ายื่นซองประกวดราคากับกรมอาชีวศึกษา เอกสารหมาย ร.4, ร.5, ร.6, ร.7หนังสือค้ำประกันของธนาคารไทยพัฒนา จำกัด ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งผู้ร้องค้ำประกันหนังสือค้ำประกันดังกล่าวต่อธนาคารอีกชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งมอบสมุดเงินฝากของผู้ร้องประกันไว้กับธนาคารและเอกสารหมาย ร.8 หนังสือให้ความยินยอมที่ภรรยาผู้ร้องให้ไว้ต่อธนาคารเอกสารหมาย ร.9 ที่ผู้ร้องให้เงินจำเลยที่ 1 ไปซื้อแบบสำหรับประมูลการก่อสร้างจำนวนเงิน 3,000 บาท เอกสารหมาย ร.11ซึ่งผู้ร้องขอให้ทางราชการแก้ไขสัญญาจ่ายเงินค่าก่อสร้างเอกสารหมาย ร.14 ซึ่งผู้ร้องว่าจ้างให้นายประชุม กาญจนะ รับจ้างก่อสร้างบางอาคารแทนผู้ร้อง เอกสารหมาย ร.18-19 ซึ่งเป็นใบนำเงินฝากเข้าบัญชีของผู้ร้องในธนาคาร ตามเอกสารดังกล่าวแสดงว่าผู้ร้องได้ใช้ชื่อของจำเลยที่ 1 เพื่อเข้าประมูลงานก่อสร้างกับทางราชการ เมื่อประมูลงานได้แล้ว ผู้ร้องก็เป็นผู้ดำเนินการแต่ผู้เดียวมาโดยตลอด เห็นว่า แม้ผู้ร้องจะนำสืบฟังได้ว่า กิจการรับเหมารายนี้เป็นของผู้ร้อง จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้ร้องเท่านั้น แต่ผู้ร้องก็ไม่อาจทำให้สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อตัวแทนเสียไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806ดังนั้น เมื่อผู้ร้องไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้ร้อง ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้เป็นที่เสียหายแก่โจทก์ย่อมไม่ได้ตามนัยกฎหมายดังกล่าวแล้ว
พิพากษายืน.