คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3000/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำพ.ศ. 2522 บัญญัติให้งานเร่ขายสินค้าเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักรจำเลยจึงไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าได้เลยถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะฝ่าฝืนกฎหมายที่กำหนดไว้ในตัวไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาต แผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะของกลางที่จำเลยเร่ขาย จึงเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ศาลมีอำนาจสั่งให้รับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าว เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราว ได้ประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าซึ่งเป็นงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำเพื่อเป็นการค้าหรือหารายได้โดยเด็ดขาด ในทุกท้องที่แห่งราชอาณาจักรโดยจำเลยได้เร่ขายแผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะไปตามถนนสาธารณะอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยแผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะจำนวน4 แผ่น เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 มาตรา 6, 33 พระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 11พฤษภาคม 2522 บัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2522ข้อ 35 ริบของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 มาตรา 6, 33 ให้จำคุก6 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 2 ปี โจทก์อุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งเกี่ยวกับของกลางและสั่งให้ริบของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนแผ่นพลาสติกสำหรับปูโต๊ะจำนวน 4 แผ่นของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาให้ริบของกลาง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าวพ.ศ. 2521 ประกอบพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 บัญญัติให้งานเร่ขายสินค้าเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำเป็นการค้า หรือหารายได้โดยเด็ดขาดในทุกท้องที่ในราชอาณาจักร จำเลยจึงไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าได้เลย เพราะทางการสงวนให้เป็นอาชีพเฉพาะคนไทยเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะฝ่าฝืนกฎหมายที่กำหนดไว้ในตัว ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาต ของกลางคดีนี้จึงเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบได้ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้คืนของกลางแก่เจ้าของไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share