แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีผู้อื่นจำนองที่ดินเป็นประกัน โจทก์ฟ้องจำเลยและผู้จำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้และดอกเบี้ย ถ้าไม่ใช้ให้ผู้จำนองใช้แทนโดยให้ไถ่ถอนจำนองหรือชายทอดตลาดที่ดินเอาเงินใช้ จำเลยไม่ใช้และไม่มีทรัพย์ให้ยึด โจทก์จึงยึดที่ดินที่จำนอง แต่ยังไม่ทันขายทอดตลาด ผู้จำนองได้ตกลงโอนที่ดินที่จำนองให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่ง หักแล้วยังมีหนี้ค้างชำระอยู่อีก การที่ผู้จำนองโอนที่ดินจำนองให้โจทก์นี้เป็นการเอาที่ดินจำนองตีใช้หนี้ระหว่างโจทก์ผู้รับจำนองกับผู้จำนอง ไม่ใช่กรณีเอาทรัพย์จำนองหลุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 หรือเอาออกขายทอดตลาดตามมาตรา 728 จึงนำมาตรา 733 มาบังคับไม่ได้ เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ไปเพียงบางส่วนเท่านั้น ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ชำระส่วนที่ยังขาดอยู่ได้ เมื่อจำเลยยังเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกินกว่า 1,000 บาท และไม่มีทรัพย์สินให้ยึดมาชำระหนี้ ศาลก็พิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยโดยเด็ดขาดได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 42/2505
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ว่าว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท ได้มอบโฉนดที่ดิน ๑ แปลงของนายบุญเกษ จำนองเป็นประกันหนี้ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยกับนายบุญเกษให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าไม่ใช้ ให้นายบุญเกษใช้แทน โดยให้ไถ่ถอนจำนองหรือขายทอดตลาดที่ดินนั้นเอาเงินใช้หนี้แทนจำเลย ในชั้นบังคับคดีจำเลยไม่ใช้หนี้ และไม่มีทรัพย์สินให้ยึด โจทก์จึงยึดที่ดินที่นายบุญเกษจำนองไว้กับโจทก์ แต่ยังไม่ทันขายทอดตลาด นายบุญเกษได้ตกลงโอนที่ดินที่จำนองให้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งโดยตีราคา ๓๘๒,๐๐๐ บาท หักแล้วโจทก์ยังไม่ได้รับชำระอีก ๒๘๖,๐๐๐ บาทเศษ จำเลยไม่มีทรัพย์อื่นใดที่โจทก์จะยึดมาชำระหนี้ได้ โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
ศาลแพ่งเห็นว่า กรณีต้องด้วยมาตรา ๗๓๓ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำว่า ลูกหนี้ ตามมาตรานี้หมายรวมตลอดถึงจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ด้วย หนี้รายนี้จึงระงับสิ้นไปแล้ว โจทก์ฟ้องให้จำเลยล้มละลายไม่ได้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำว่าลูกหนี้ ในมาตรา ๗๓๓ หมายความถึงลูกหนี้ผู้จำนองเท่านั้น จำเลยยังไม่หลุดพ้น พิพากษากลับให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยโดยเด็ดขาด
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า การที่จะนำเอามาตรา ๗๓๓ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาบังคับได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่เอาทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุดตามมาตรา ๗๒๙ หรือ เอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดตามมาตรา ๗๒๘ แต่กรณีนี้ไม่ใช่ แต่เป็นการเอาที่ดินที่จำนองตีใช้หนี้กันระหว่างโจทก์ผู้รับจำนองกับนายบุญเกษผู้จำนองตามมาตรา ๓๒๑ วรรค ๑ ฉะนั้น จึงนำมาตรา ๗๓๓ มาบังคับในกรณีนี้ไม่ได้ เมื่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ของจำเลยได้รับชำระหนี้ไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ในส่วนที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระได้
พิพากษายืนในผลที่ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยโดยเด็ดขาด