แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ เท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 กรณีมิใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 18 ที่ศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนจึงจะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับผิดตามสัญญากู้เงิน สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาจำนอง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาคดีฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ 3,657,278.77 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 2,776,775.56 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 29 มีนาคม 2539) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 4,280,507.15 บาท พร้อมดอกเบี้ยแบบทบต้นของต้นเงินดังกล่าว หากจำเลยไม่ชำระหนี้ทั้งสองจำนวนดังกล่าวให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 40801, 40802 ตำบลมาบตาพุด (ห้วยโป่ง) อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง และที่ดินโฉนดเลขที่ 1740 ตำบลสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ หากยังได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 6 กันยายน 2542 ขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง หมายนัดและคำบังคับของศาล เพราะจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านที่โจทก์ฟ้องแต่ให้บุคคลอื่นเช่าอยู่ ส่วนจำเลยไปอยู่กับภริยาที่บ้านเลขที่ 122/57 หมู่ที่ 2 ตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีย่อมมีทางชนะคดีโจทก์ได้เพราะโจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้องและการบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย โดยจำเลยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ชอบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ เท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 กรณีมิใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนจึงจะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย โดยไม่ได้สั่งให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเพิ่ม จึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน