แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง คดีถึงที่สุดโจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินจำนวน100,000 บาท ไปจากโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์
ในชั้นรับฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 คงรับฟ้องไว้เฉพาะจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 81/2531 ของศาลชั้นต้น หนังสือสัญญาค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องความจริงเป็นเรื่องโจทก์และจำเลยที่ 1 ร่วมลงทุนรับเหมางานไฟฟ้าด้วยกัน โดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินลงทุน จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับเหมาและออกแรง ได้ชำระบัญชีกันหมดแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้โจทก์จำนวน 79,223บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ประเด็นวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 81/2531ของศาลชั้นต้นหรือไม่ และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด ในประเด็นแรกเรื่องฟ้องซ้ำนั้น ได้ความว่าในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อนโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเอกสารหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสองและคดีถึงที่สุดแล้ว โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาคัดค้านข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยดังกล่าว และพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นก็เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงต่อศาล โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี โดยอาศัยเหตุเรื่องหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมนั้นอีก กรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่า คดีนี้กับคดีก่อนเป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ดังนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 เช่นนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นเรื่องความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.