คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้สัญญาเช่าซื้อระบุว่าหากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดกัน ให้ถือว่าสัญญาเลิกกันทันที แต่การที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดสองงวดติดกันแล้วผู้ร้องยินยอมรับค่าเช่าซื้องวดแรกจากผู้เช่าซื้อหลังจากกำหนดเวลาตามสัญญาถึง 7 เดือนโดยมิได้เลิกสัญญาหรือยึดรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนแสดงว่าผู้ร้องมิได้ถือเอากำหนดเวลาที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดตามสัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญ และไม่ประสงค์จะเลิกสัญญา เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดอีกกว่า 20 งวด ผู้ร้องก็เพียงแต่ติดตามทวงถามค่าเช่าซื้อเท่านั้น ประกอบกับสัญญาเช่าซื้อระบุว่าในกรณีทรัพย์สินที่เช่าซื้อสูญหาย หรือเสียหายไม่ว่าด้วยเหตุสุดวิสัยก็ดี หรือเหตุอื่นใดก็ดี ฯลฯ ผู้เช่าซื้อตกลงจะใช้ราคาทรัพย์สินเต็มจำนวนตามสัญญาเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่า ผู้ร้องมีเจตนาเพียงต้องการที่จะได้รับค่าเช่าซื้อเท่านั้น ผู้ร้องจึงเพิกเฉยไม่บอกเลิกสัญญาหรือติดตามรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนจนกระทั่งจำเลยนำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้กระทำความผิดและถูกริบ ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯและริบรถยนต์ของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของแท้จริงในรถยนต์บรรทุกกระบะยี่ห้อฟอร์ด คูเรียร์ เครื่องยนต์หมายเลข แซด 28654 เลขหมายตัวถังรถ (แชซซี) เอสดับบลิวซีบีวายเอ็ม34605 เลขทะเบียนรถ 4 บ-5172 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของกลางในคดีนี้
ส่วนปัญหาที่ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดหรือไม่ นายสุรพลผู้รับมอบอำนาจของผู้ร้อง เบิกความว่าผู้ร้องให้นางอำไพเช่าซื้อรถยนต์ของกลางไปตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม2524 โดยชำระเงินงวดแรกจำนวน 30,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระทุกเดือนรวม 36 งวด ๆ ละ 3,670 บาท เริ่มชำระงวดแรกวันที่15 พฤศจิกายน 2524 และตามสัญญาเช่าซื้อระบุไว้ว่า หากลูกค้าผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อ ถือว่าสัญญาเลิกกันผู้ร้องมีสิทธิติดตามเอารถคืนได้ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4ตั้งแต่ทำสัญญาเช่าซื้อกันนางอำไพผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้เพียงงวดเดียวในวันที่ 25 มิถุนายน 2525 หลังจากนั้นไม่ชำระอีก ผู้ร้องได้พยายามติดตามทวงถามค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงและขอผ่อนผัน ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ว่าตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4 ข้อ 16 จะมีข้อความระบุไว้ว่าหากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดกัน ให้ถือว่าสัญญาเลิกกันทันทีก็ตามแต่การที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดสองงวดติดกันแล้ว ผู้ร้องยังยอมรับค่าเช่าซื้องวดแรกจากผู้เช่าซื้อหลังจากกำหนดเวลาตามสัญญาถึง7 เดือน โดยมิได้เลิกสัญญาหรือยึดรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมิได้ถือเอากำหนดเวลาที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดตามสัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญของสัญญา และไม่ประสงค์จะเลิกสัญญาโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าว เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีกก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญา หรือติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแต่อย่างใดผู้ร้องเพียงแต่ติดตามทวงถามค่าเช่าซื้อเท่านั้น ประกอบกับสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.4 ข้อ 9ได้ระบุว่าในกรณีที่ทรัพย์สินที่เช่าซื้อสูญหายหรือเสียหายไม่ว่าโดยเหตุสุดวิสัยก็ดีหรือเหตุอื่นใดก็ดี ไม่ว่าจะด้วยความประมาทเลินเล่อของผู้เช่าซื้อหรือไม่ก็ตาม ผู้เช่าซื้อตกลงจะใช้ราคาทรัพย์สินโดยเต็มจำนวนตามสัญญานี้ให้แก่เจ้าของเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าผู้ร้องมีเจตนาเพียงต้องการที่จะได้รับค่าเช่าซื้อตามสัญญาเท่านั้น ผู้ร้องจึงเพิกเฉยไม่บอกเลิกสัญญาไม่ติดตามยึดรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนทั้ง ๆ ที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดตลอดมากว่า 20 งวด จนกระทั่งจำเลยนำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้กระทำความผิดและถูกริบในคดีนี้ ผู้ร้องจึงมาขอรถยนต์ของกลางคันดังกล่าวคืน ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ร้องจึงไม่อาจที่จะขอคืนรถยนต์ของกลางได้ ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share