คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีต่อศาลตามปกติย่อมไม่เป็นการละเมิด เพราะเป็นการใช้สิทธิทางศาลที่กฎหมายให้กระทำได้ เว้นแต่เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตหรือกลั่นแกล้งฟ้องโดยมิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล
การที่จำเลยฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยในคดีก่อนเรียกให้ชำระหนี้ฐานผิดสัญญาซื้อขายและจ้างทำของ โดยข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำฟ้องคดีนี้ไม่เพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยฟ้องโจทก์โดยไม่สุจริตหรือกลั่นแกล้งฟ้องโดยมิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55
โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง หากศาลฎีกาพิพากษาให้ตามขอก็เป็นเพียงการย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ตามตาราง 1 (2) (ก) ท้าย ป.วิ.พ. ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันที่ 3 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยขอโทษโจทก์ที่ได้กล่าวข้อความอันเป็นเท็จ โดยประกาศในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหรือหนังสือพิมพ์เสียงใต้ เป็นระยะเวลา 7 วัน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นตามที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้ว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2555 จำเลยยื่นฟ้องโจทก์กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลชั้นต้น เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 853/2555 อ้างว่าโจทก์กับพวกผิดสัญญาซื้อขายและจ้างทำของ ขอให้ร่วมกันชำระเงิน 437,760 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 363,265 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ตามสำเนาคำฟ้องคดีดังกล่าว เอกสารแนบท้ายคำฟ้องคดีนี้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยไม่ได้สืบพยานโจทก์และจำเลยก่อนชอบหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีดังกล่าวไม่ได้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย แต่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ และเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องโดยหลงผิด ถือว่าเป็นการไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ เห็นว่า การฟ้องคดีต่อศาลนั้น ตามปกติย่อมไม่เป็นการละเมิด เพราะเป็นการใช้สิทธิทางศาลที่กฎหมายให้กระทำได้ เว้นแต่เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตหรือกลั่นแกล้งฟ้องโดยมิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2555 จำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามเป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และกล่าวถึงคำฟ้องคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 853/2555 ของศาลชั้นต้น ในข้อ 2 ที่มีสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 โจทก์กับพวกสั่งซื้อสินค้าและว่าจ้างให้จำเลยดำเนินการติดตั้งงานประเภทระแนงอะลูมิเนียมกล่อง ขนาด 1 นิ้ว x 3 นิ้ว เนื้อที่ 370 ตารางเมตร ราคาตารางเมตรละ 1,800 บาท เป็นเงินค่าสินค้ารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 712,620 บาท ค่าติดตั้งระแนงอะลูมิเนียมกล่อง จำนวน 370 ตารางเมตร ค่าติดตั้งตารางเมตรละ 350 บาท เป็นเงินค่าติดตั้งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 138,565 บาท และค่าใช้จ่ายต่างจังหวัด 1 งาน เป็นเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 37,450 บาท ติดตั้ง ณ กะรน ฮิลล์ ของโจทก์กับพวก จำเลยดำเนินการติดตั้งและโจทก์กับพวกตรวจรับแล้ว แต่โจทก์กับพวกไม่ชำระเงินตามสัญญา แล้วโจทก์บรรยายฟ้องในคดีนี้ต่อไปว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง ทำให้โจทก์เสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณ เสียหายแก่ทางทำมาหาได้และทางเจริญของโจทก์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ดังนี้ โจทก์ไม่ได้กล่าวยืนยันมาในคำฟ้องคดีนี้ด้วยว่า โจทก์กับพวกไม่ได้สั่งซื้อหรือไม่ได้ว่าจ้างให้จำเลยดำเนินการติดตั้งงานตามคำฟ้องในคดีดังกล่าว จำเลยไม่ได้ดำเนินงานจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยตามข้อตกลงในสัญญา และโจทก์กับพวกไม่ได้ตรวจรับงานที่จำเลยส่งมอบแล้วดังที่จำเลยอ้าง นอกจากนี้โจทก์ยังไม่ได้กล่าวยืนยันมาในคำฟ้องคดีนี้ด้วยว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังอย่างไร และเพราะเหตุใดจำเลยจึงกระทำเช่นนั้น ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 853/2555 ของศาลชั้นต้น โดยไม่สุจริตหรือกลั่นแกล้งฟ้องโดยมิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล อันจะถือได้ว่าโจทก์ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีนี้โดยไม่สืบพยานโจทก์และจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้แม้โจทก์จะขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่หากศาลฎีกาพิพากษาให้ตามขอก็เป็นเพียงการย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ตามตาราง 1 (2) (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินมาแก่โจทก์
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในชั้นนี้ส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share