คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมทำสัญญากับจำเลยซึ่งประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน โดยให้จำเลยมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องซื้อน้ำมันจากโจทก์ร่วมมาจำหน่ายเท่านั้น จำเลยผิดสัญญาโดยไปซื้อน้ำมันจากแหล่งอื่นมาจำหน่าย โจทก์ร่วมบอกเลิกสัญญาให้จำเลยส่งคืนสถานีบริการน้ำมันแก่โจทก์ร่วม รวมทั้งเพิกถอนความยินยอมให้ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วม แต่จำเลยก็ยังคงประกอบการค้าต่อไปโดยซื้อน้ำมันจากที่อื่นมาจำหน่าย และยังคงติดป้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมอยู่บริเวณสถานีบริการน้ำมัน โดยมิได้แสดงเครื่องหมายให้ประชาชนเข้าใจว่าสถานีบริการน้ำมันนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันของโจทก์ร่วม แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะขายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วม เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าสินค้าที่จำเลยจำหน่ายนั้นเป็นสินค้าของโจทก์ร่วม จึงเป็นการขายของโดยหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อในแหล่งกำเนิดแห่งของอันเป็นเท็จตาม ป.อ. มาตรา 271
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยเฉพาะในส่วนที่จำเลยได้ขายน้ำมันให้แก่ ส. และ อ. ซึ่งเป็นผู้ไปทำการล่อซื้อน้ำมันดังกล่าว โดยที่ ส. และ อ. มิได้หลงเชื่ออยู่แล้วว่าน้ำมันที่จำเลยนำออกจำหน่ายนั้นเป็นน้ำมันของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล อันเป็นการพยายามกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ประกอบมาตรา 80
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 49 เป็นความผิดที่บัญญัติลงโทษแก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งละเลยไม่ปิดป้ายเครื่องหมายไว้ ณ ที่ที่เห็นได้ง่ายตามมาตรา 9 เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สถานที่สำหรับการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงคือห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. แม้จำเลยจะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 9 จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 9 , 49

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 108 พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 9 , 49 พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 ป.อ. มาตรา 33 , 90 , 91 , 271 และ 272 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 9 , 49 ให้ลงโทษปรับ 1,000 บาท และมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ประกอบมาตรา 80 มาตรา 272 (1) พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 271 ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท รวมจำคุก 4 เดือน ปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามมาตรา 29 , 30 ริบของกลาง คืนเงิน 50 บาท แก่เจ้าของ ข้อหาอื่นให้ยก
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ร่วมทำสัญญาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งมีจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของโจทก์ร่วม โดยให้มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องซื้อน้ำมันจากคลังน้ำมันของโจทก์ร่วมโดยตรงเท่านั้น หากปฏิบัติผิดเงื่อนไข โจทก์ร่วมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. จะต้องส่งคืนสถานีบริการน้ำมันให้แก่โจทก์ร่วมทันที ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ผิดสัญญาโดยไม่ซื้อน้ำมันจากโจทก์ร่วม แต่กลับสั่งซื้อน้ำมันจากแหล่งอื่น โจทก์ร่วมจึงบอกเลิกสัญญาและแจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ส่งคืนสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งเพิกถอนความยินยอมที่ให้ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมด้วย แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพิกเฉยและยังคงประกอบการค้าต่อไปโดยซื้อน้ำมันจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยมาจำหน่าย และยังคงใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วมกับสินค้าน้ำมันนั้นบริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมัน โดยมิได้ติดตั้งป้ายหรือเครื่องหมายใด ๆ ที่บริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันเพื่อให้ประชาชนทราบว่าสินค้าที่จำเลยนำออกจำหน่ายไม่ใช่สินค้าของโจทก์ร่วม พฤติการณ์เช่นนี้แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะขายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วม เพื่อให้ผู้ซื้อหลงเชื่อว่าสินค้าที่จำเลยจำหน่ายนั้นเป็นสินค้าของโจทก์ร่วม จึงเป็นการขายของโดยหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อในแหล่งกำเนิดแห่งของอันเป็นเท็จ ตาม ป.อ. มาตรา 271 แต่การกระทำความผิดตามบทมาตรานี้จะเป็นความผิดสำเร็จต่อเมื่อผู้ซื้อหลงเชื่อการหลอกลวงนั้น เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำผิดของจำเลยเฉพาะในส่วนที่ขายน้ำมันแก่จ่าสิบตำรวจสมสิทธิ์และนางอ้อมกรซึ่งเป็นผู้ไปทำการล่อซื้อน้ำมันดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจ่าสิบตำรวจสมสิทธิ์และนางอ้อมกรผู้ซื้อสินค้าน้ำมันจากจำเลยมิได้หลงเชื่อว่าน้ำมันที่จำเลยนำออกจำหน่ายนั้นเป็นน้ำมันของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลอันเป็นการพยายามกระทำความผิด ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดนี้ตาม ป.อ. มาตรา 271 ประกอบมาตรา 80 ชอบแล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อมาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานละเลยไม่ปิดป้ายเครื่องหมายที่ได้รับอนุญาตให้เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง ณ ที่ที่เห็นได้ง่ายตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 หรือไม่ เห็นว่า ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 49 เป็นความผิดที่บัญญัติลงโทษแก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งละเลยไม่ปิดป้ายเครื่องหมายไว้ ณ ที่ที่เห็นได้ง่ายตามมาตรา 9 เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ใช้สถานที่สำหรับการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงคือห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. แม้จำเลยจะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ก็ถือไม่ได้ว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 9 จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 9 , 49
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 9 , 49 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share