แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย โจทก์สั่งสินค้าจากบริษัท อ. จำกัด ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ การสั่งซื้อสินค้าและจำหน่ายสินค้าของโจทก์แบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรก สินค้า อะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ขนาดเล็ก โจทก์จะสั่งสินค้าเข้ามาในนามโจทก์ เมื่อมีลูกค้ามาซื้อโจทก์จะขายและส่งมอบสินค้าไป ประเภทที่สอง เป็นสินค้าประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าซึ่งมีขนาดใหญ่ โจทก์จะไม่สั่งซื้อสินค้ามาเก็บ เมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าโจทก์จะทำสัญญาซื้อขายในนามโจทก์ ออกเอกสารว่าโจทก์เป็นผู้ขาย ลูกค้าเป็นผู้ซื้อระบุรายละเอียดให้ลูกค้าเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ส่งเงินราคาสินค้าไปให้แก่บริษัท อ. จำกัด ที่อยู่ในต่างประเทศโดยตรง สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข การรับประกันของโจทก์ต่อลูกค้าระบุว่าโจทก์มีความรับผิดในฐานะผู้ขายสินค้า หลังจากนั้นผู้ขายจะส่งสินค้าให้แก่ ผู้ซื้อโดยตรง ในการทำสัญญาซื้อขายโจทก์จะเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าที่ขายเองมีอิสระที่จะขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อทางใดก็ได้ หากสินค้าบกพร่องโจทก์มีหน้าที่รับผิดต่อลูกค้าโดยตรง เงินทุนที่ใช้ประกอบกิจการเป็นของโจทก์ หากมีกำไรหรือขาดทุนโจทก์รับภาระการขาดทุนหรือผลกำไรแต่ผู้เดียว ผลประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจึงอยู่ในรูปกำไรมิใช่บำเหน็จจากการเป็นตัวแทนหรือนายหน้า โจทก์มิได้เป็นลูกจ้างผู้ทำการแทนหรือผู้ทำการติดต่อให้กับบริษัทผู้ขายในต่างประเทศ ไม่เข้าลักษณะเป็นกิจการตัวแทนของนิติบุคคลต่างประเทศ จึงไม่มีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีแทนบริษัท อ. จำกัด ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 76 ทวิ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หากเห็นว่าโจทก์ต้องรับผิดเสียภาษีก็ขอให้พิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ ๑๐๔๘/๒/๑๐๐๒๖๗ และที่ ๑๐๔๘/๒/๑๐๐๒๖๘ ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๘ กับให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ สภ. ๑ (อธ. ๑)/๕๗/๒๕๔๔ และเลขที่ สภ. ๑ (อธ. ๑)/๕๘/๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๔๔ ให้จำเลย ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่าพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดในประเทศไทย ส่วนบริษัทอัลฟา – ลาวาล เซ้าท์อีสต์เอเชีย จำกัด หรือบริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายของประเทศสิงค์โปร์ ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ โจทก์ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร สินค้าส่วนใหญ่ผลิตโดยบริษัทกลุ่มอัลฟา – ลาวาล ทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่โจทก์จะสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด โดยบริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด ได้ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์เป็นตัวแทนหรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อให้แก่บริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายในต่างประเทศหรือไม่ โจทก์มีนายวรชัย เป็นพยานเบิกความว่าการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด และการจำหน่ายสินค้าของโจทก์จะแบ่งเป็นสองประเภท ประเภทแรก เป็นสินค้าอะไหล่อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ขนาดเล็ก โจทก์จะสั่งสินค้าเข้ามาในนามโจทก์ เมื่อมีลูกค้ามาซื้อ โจทก์ก็จะขายและส่งมอบสินค้าไป ส่วนประเภทที่สอง เป็นสินค้าประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าซึ่งมี ขนาดใหญ่โจทก์จะไม่สั่งซื้อมาเก็บ เมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าประเภทนี้ โจทก์จะทำสัญญาซื้อขายในนามโจทก์ โดยออกเอกสารให้แก่ลูกค้าที่มีรายละเอียดว่าโจทก์เป็นผู้ขาย ลูกค้าเป็นผู้ซื้อชนิดและประเภทสินค้า ราคาสินค้า ระยะเวลาการส่งมอบ งวดการชำระเงิน และให้ลูกค้าเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต ส่งเงินค่าราคาสินค้าไปให้แก่บริษัท อัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ จำกัด ที่อยู่ในต่างประเทศโดยตรง และสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับลูกค้าจะมีเงื่อนไขการรับประกันของโจทก์ต่อลูกค้า โดยระบุโดยชัดแจ้งว่าโจทก์มีความรับผิดต่อลูกค้าในฐานะผู้ขายสินค้า หลังจากนั้น ผู้ขายจะส่งสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยตรง ในการทำสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับผู้ซื้อ โจทก์จะเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ที่ขายเอง โจทก์มีอิสระที่จะขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อทางใดก็ได้ ถ้าสินค้าชำรุดบกพร่องโจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดต่อลูกค้าโดยตรง เงินทุนที่ใช้ในการประกอบกิจการดังกล่าวเป็นเงินทุนของโจทก์ หากการประกอบกิจการมีผลกำไรหรือขาดทุน โจทก์ก็รับภาระการขาดทุนหรือได้รับผลกำไรแต่ผู้เดียว หากเป็นสินค้าขนาดเล็กโจทก์จะสั่งสินค้าเข้ามา เมื่อลูกค้ามาซื้อ โจทก์จะส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยตรง ส่วนวิธีที่สอง หากเป็นสินค้าขนาดใหญ่ โจทก์จะไม่สั่งสินค้าเข้ามา แต่เมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อ โจทก์จะทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้า แล้วโจทก์จะสั่งสินค้าจากบริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด และให้บริษัทดังกล่าวส่งสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยตรง และผู้ซื้อชำระราคาให้กับบริษัทผู้ขายในต่างประเทศโดยตรง ในการขายโดยวิธีแรกนั้น เห็นได้ว่าโจทก์เป็นผู้ขายสินค้าโดยตรง ส่วนในวิธีที่สองแม้ว่าโจทก์เป็นผู้สั่งสินค้าให้ บริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส .อี. เอ. จำกัด ส่งสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยตรง และผู้ซื้อจะชำระราคาแก่บริษัทดังกล่าวโดยตรง ก็ตาม แต่ก็ได้ความว่า โจทก์มีสัญญาที่ทำกับบริษัทดังกล่าวว่าโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้า และโจทก์ต้องทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้าในประเทศไทย แล้วโจทก์จึงทำใบสั่งสินค้าไปยังบริษัทผู้ขายโดยโจทก์เป็นผู้กำหนดราคาสินค้าเอง โจทก์มีอิสระในการขาย หากสินค้าชำรุดบกพร่องโจทก์ต้องรับผิดต่อลูกค้าผู้ซื้อในประเทศโดยตรง ผลประโยชน์ที่โจทก์ได้รับอยู่ในรูปของกำไร มิใช่ค่าบำเหน็จจากการเป็นตัวแทนหรือนายหน้า โจทก์ประกอบกิจการซื้อขายสินค้าด้วยต้นทุนของโจทก์ มิได้เป็นลูกจ้าง ผู้ทำการแทนหรือผู้ทำการติดต่อให้แก่บริษัทผู้ขายในต่างประเทศ โจทก์ได้กระทำไปในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ซื้อมาขายไป ไม่เข้าลักษณะเป็นกิจการตัวแทนของนิติบุคคลต่างประเทศ โจทก์จึงไม่มีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแทนบริษัทอัลฟา – ลาวาล เอส. อี. เอ. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในต่างประเทศ ตาม ป.รัษฎากร มาตรา ๗๖ ทวิ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนก คดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน .