คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า หาก ซ.บิดพลิ้วไม่ชำระหนี้ให้จำเลยรับผิดชอบในจำนวนเงินดังกล่าวโดยจะติดตาม ซ. ให้มาชดใช้ให้ ถ้าติดตามไม่ได้ จำเลยจะขอรับชดใช้เองจนครบจำนวนนั้น ไม่มีข้อความตอนใดบังคับว่าโจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยติดตามตัว ซ. ก่อน ข้อความตามสัญญามีความหมายเพียงว่าถ้า ซ. ไม่ชำระ จำเลยต้องชำระแทนเท่านั้น ส่วนข้อความที่ว่าโดยจะติดตาม ซ. ให้มาชดใช้นั้น เป็นเรื่องเปิดโอกาสให้จำเลยมีเวลาติดตามลูกหนี้ที่แท้จริง ไม่ใช่เงื่อนไขให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ นายซ้ง แซ่ก๊วย ซื้อสุกรโจทก์เป็นเงิน๕๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่ได้ชำระราคาสุกรให้โจทก์ ต่อมาวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๒๘ นายซ้งทำหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ขอผ่อนชำระเป็น ๒ งวด งวดแรกวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ จำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท งวดที่ ๒ วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๘จำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท จำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อถึงกำหนดนายซ้งไม่ปฏิบัติตามสัญญาและหลบหนี จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิดใช้เงิน ๕๐,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การรับว่า ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้จริง แต่ตามสัญญานั้นระบุว่าหากนายซ้งไม่ชำระหนี้ จำเลยจะรับผิดชอบโดยจะติดตามนายซ้งมาชดใช้เงินให้โจทก์แต่โจทก์ไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยติดตามตัวนายซ้งมาใช้เงินแต่อย่างใด หากโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบจำเลยสามารถติดตามตัวนายซ้งได้ เพราะนายซ้งมิได้หลบหนีไปไหน โจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาเป็นการใช้เสิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
จำเลยขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๕๒,๘๑๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๒๘ จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า หากผู้ต้องหา (นายซ้ง แซ่ก๊วย)บิดพลิ้วไม่ชำระ ให้นายกิมเจียว แซ่ก๊วย (จำเลย) รับผิดชอบในจำนวนเงินดังกล่าวโดยจะติดตามผู้ต้องหาให้มาชดใช้ ถ้าติดตามไม่ได้ นายกิมเจียว แซ่ก๊วย (จำเลย)จะขอรับชดใช้เองจนครบจำนวนตามข้อความในสัญญาดังกล่าว จำเลยฎีกาว่าข้อสัญญาดังกล่าวมีเงื่อนไขบังคับก่อนคือโจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยติดตามตัวนายซ้งแซ่ก๊วย มาชำระหนี้ก่อน โจทก์มิได้บอกกล่าวแก่จำเลย เป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง พิเคราะห์แล้วตามข้อความในสัญญาที่ว่าให้จำเลยรับผิดชอบในเงินจำนวนดังกล่าว โดยจะติดตามนายซ้งมาชดใช้ให้ถ้าติดตามไม่ได้ จะขอรับชดใช้จนครบจำนวนนั้น ไม่มีข้อความตอนใดบังคับว่าโจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยติดตามตัวนายซ้งก่อน ข้อความตามสัญญามีความหมายเพียงว่าถ้านายซ้งไม่ชำระ จำเลยต้องชำระแทนเท่านั้นเอง ส่วนข้อความที่ว่าโดยจะติดตามนายซ้งให้มาชดใช้นั้น เป็นเรื่องเปิดโอกาสให้จำเลยมีเวลาติดตามลูกหนี้ที่แท้จริงบ้าง ไม่ใช่เงื่อนไขของสัญญาให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อน
พิพากษายืน

Share