แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหาว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วต่อมาจำเลยแสดงเครื่องหมายทะเบียนและนำสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแสดงต่อร้อยตำรวจโท ก. ซึ่งเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเท่ากับจำเลยให้การปฏิเสธในฐานที่จำเลยเป็นผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนของกลางไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134 ให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาที่จะให้การรับหรือปฏิเสธอย่างใดก็ได้ เมื่อกฎหมายให้สิทธิแก่จำเลยในฐานะผู้ต้องหาไว้เช่นนี้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเครื่องหมายทะเบียนและสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนที่จำเลยนำมาแสดงต่อร้อยตำรวจโท ก. จะเป็นเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารราชการก็ตาม ก็จะเอาความผิดแก่จำเลยฐานใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารราชการไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91 ริบของกลางและนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ริบของกลาง คดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลรอการลงโทษจำคุกจำเลย จึงไม่มีโทษให้นับต่อ ยกคำขอให้นับโทษต่อและยกฟ้องข้อหาอื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาใช้และอ้างเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืนปลอมด้วย และให้ยกคำขอให้ริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาเพียงประการเดียวว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานใช้และอ้างเครื่องหมายทะเบียนที่ประทับอยู่ที่อาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมหรือไม่ ในข้อนี้คดีปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ข้อ ค. โจทก์ได้บรรยายฟ้องมีใจความว่า จำเลยใช้และอ้างเครื่องหมายทะเบียน พล.6/1189 ที่ประทับอยู่ที่อาวุธปืนของจำเลย และใช้และอ้างสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ใบอนุญาตเลขที่ 3770/2512 ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่จำเลยทำปลอมขึ้นต่อร้อยตำรวจโทกิตติพล ช่างสลัก พนักงานสอบสวนเพื่อให้ร้อยตำรวจโทกิตติพลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อร้อยตำรวจโทกิตติพล นายทะเบียนอาวุธปืน หรือประชาชน และคดีได้ความตามทางพิจารณาว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยโดยสารรถยนต์แท็กซี่ไปตามถนนพระราม 2 ถึงจุดตรวจค้นของพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจค้นจำเลยพบอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 11 มม. มีเครื่องหมายทะเบียน พ.ล.6/1189 ซองกระสุน (แม็กกาซีน) บรรจุกระสุนปืน 4 นัด จำเลยไม่มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับอาวุธปืนดังกล่าวแสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจจึงจับกุมจำเลยพร้อมกับยึดอาวุธปืนและซองกระสุนดังกล่าวเป็นของกลางกล่าวหาว่าจำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต หลังจากนั้นได้นำตัวจำเลยพร้อมของกลางส่งมอบให้ร้อยตำรวจโทกิตติพลสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การต่อร้อยตำรวจโทกิตติพลว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน จำเลยได้นำสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแสดงต่อร้อยตำรวจโทกิตติพล ต่อมาร้อยตำรวจโทกิตติพลส่งอาวุธปืนและสำเนาใบอนุญาตดังกล่าวไปให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์ ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าเครื่องหมายทะเบียนที่ประทับอยู่ที่อาวุธปืนของกลางเป็นเครื่องหมายทะเบียนที่ออกให้สำหรับอาวุธปืนลูกซองซึ่งเป็นคนละชนิดกับอาวุธปืนของกลางและออกให้บุคคลอื่นไม่ได้ออกให้แก่จำเลย ส่วนสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุปืนที่มีชื่อนายโกวิท จิรา เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตนั้น ร้อยตำรวจโทกิตติพลได้เรียกนายโกวิทมาสอบปากคำแล้ว นายโกวิทแจ้งว่านายโกวิทไม่เคยขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนแต่อย่างใด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏเช่นนี้ร้อยตำรวจโทกิตติพลจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยเพิ่มเติมว่า จำเลยใช้และอ้างเอกสารราชการปลอม เห็นว่า การที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหาว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วต่อมาจำเลยแสดงเครื่องหมายทะเบียนและนำสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแสดงต่อร้อยตำรวจโทกิตติพลซึ่งเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเท่ากับจำเลยให้การปฏิเสธในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนของกลางไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาที่จะให้การรับหรือปฏิเสธอย่างใดก็ได้ เมื่อกฎหมายให้สิทธิแก่จำเลยในฐานะผู้ต้องหาไว้เช่นนี้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเครื่องหมายทะเบียนและสำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนที่จำเลยนำมาแสดงต่อร้อยตำรวจโทกิตติพลจะเป็นเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารราชการก็ตาม ก็จะเอาความผิดแก่จำเลยฐานใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารราชการไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน