คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร ถ้ามิใช่เพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2465 มาตรา 20 วรรคสาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 มาตรา 5 ส่วนการนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจกเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20 วรรคท้าย พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 มาตรา 5 เป็นความผิดคนละฐานต่างกัน
ฟ้องโจทก์แยกการกระทำผิดของจำเลยออกเป็น 2 กระทง กระทงแรกเป็นเรื่องร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อขายจำหน่ายหรือจ่ายแจกกระทงหลังเป็นเรื่องร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนที่มีไว้ในกระทงแรกออกนอกราชอาณาจักรในข้อหากระทงหลังโจทก์มิได้กล่าวไว้เลยว่าจำเลยพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก อันเป็นสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ดังนั้น แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 20 ซึ่งคลุมทุกกรณีมาด้วยก็ตามศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงกล่าว คือ
ก. จำเลยร่วมกันมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีน รวมน้ำหนัก 1,883 กรัม ราคา 56,490 บาทไว้ในความครอบครองเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจกโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ข. จำเลยทั้งสองร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษที่จำเลยร่วมกันมีไว้ เพื่อขายในข้อ ก. ออกนอกราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดโดยเจ้าพนักงานพบเห็นการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เสียก่อน
ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 4 ทวิ, 20, 20 ทวิ, 20 ตรี, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4 ทวิ,5, 6, 7, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ,83 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิม ขอให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร ส่วนข้อหาว่าร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อขายจำหน่ายหรือจ่ายแจกข้อเท็จจริงไม่ปรากฏ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 4 ทวิ, 20 วรรคสาม,20 ตรี, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 5, 7, 12 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83 กำหนดโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 วรรคสาม จำคุกคนละ 24 ปี ระวางโทษสองในสามส่วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 คงจำคุกคนละ 16 ปี จำเลยทั้งสองอายุยังไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษ ให้คนละหนึ่งในสามตามมาตรา 76 เหลือจำคุกคนละ 10 ปี 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่ง ส่วนความผิดฐานร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ฟ้องโจทก์ขาดการกระทำอันเป็นสารสำคัญที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ลงโทษฐานนี้ไม่ได้ จำเลยรับสารภาพในข้อหาร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานมีเฮโรอีนอันเป็นบททั่วไป พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6อีกกระทงหนึ่งจำคุกคนละ 5 ปี ลดคำรับให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ส่วนกระทงความผิดฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรไม่ลดโทษให้เพราะเหตุรับสารภาพ คงจำคุกคนละ 10 ปี 8 เดือน รวม 2 กระทงจำคุกคนละ 13 ปี 2 เดือน จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 7 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์มีสารสำคัญครบองค์ประกอบความผิดฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายหรือจ่ายแจก ทั้งระบุบทมาตราไว้ชัดแจ้งแล้วลงโทษฐานนี้ได้ ส่วนความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายไม่ควรลดเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ยกฟ้องในกระทงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และให้ลดเหตุบรรเทาโทษในกระทงความผิดฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์กล่าวแจ้งชัด แยกการกระทำผิดของจำเลยออกเป็น 2 กระทง กระทงแรกเป็นเรื่องร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก กระทงหลังเป็นเรื่องร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนที่มีไว้ในกระทงแรกออกนอกราชอาณาจักร ในข้อหากระทงหลังโจทก์มิได้กล่าวไว้เลยว่าเป็นการกระทำเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก การนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรถ้ามิใช่เพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจกเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 วรรคสาม, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 ส่วนการนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจกเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 วรรคท้าย, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 อันเป็นความผิดคนละฐานต่างกัน เมื่อโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจกอันเป็นสารสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิดแล้ว แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 20 ซึ่งคลุมทุกกรณีมาก็ตาม ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานนี้ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าจะต้องอ่านคำฟ้องรวมกันทั้งหมดจึงได้ความนั้น เป็นการโต้เถียงฝืนข้อความในคำฟ้องซึ่งโจทก์แยกกันเป็นคนละส่วน
ส่วนปัญหาข้อเท็จจริงนั้น วินิจฉัยแล้วฟังว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนและชั้นศาลเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐาน
คดีนี้จำเลยที่ 1 อายุ 18 ปี จำเลยที่ 2 อายุ 19 ปี ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ในกระทงความผิดฐานร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงเรื่องลดมาตราส่วนโทษ ปัญหาข้อนี้จึงเป็นอันยุติ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองในกระทงความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายในคดีเดียวกัน เป็นการไม่ชอบ
พิพากษาแก้เป็นว่า กระทงความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 ให้ลดมาตราส่วนโทษแก่จำเลยทั้งสองคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แต่ไม่ลดโทษตามมาตรา 78 จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี 4 เดือน รวมโทษทั้งสองกระทงเป็นจำคุกคนละ 14 ปี นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share