คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2968/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีเดิมโจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยให้แบ่งมรดกของ ล. ตามสัญญาแบ่งมรดก ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกบางส่วนให้โจทก์ทั้งสาม หากแบ่งกันไม่ได้ให้เอาออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกัน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาท จึงเป็นกรณีที่เจ้าของรวมดำเนินการเพื่อแบ่งทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวมเท่านั้น โจทก์ทั้งสามและจำเลยมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อกัน จึงไม่ใช่การร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ผู้ร้องทั้งสองไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามมาตรา 288

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามกับจำเลยเป็นทายาทของนางไหล คำน้อย ซึ่งถึงแก่ความตายแล้วมีมรดกเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญเนื้อที่ 23 ไร่ 1 งาน 41 ตารางวาที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 69 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 12 ตารางวา บ้านเลขที่ 5 และเลขที่ 6 หมู่ที่ 4ตำบลบ้านป้อม อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งโจทก์ทั้งสามกับจำเลยทำสัญญาแบ่งมรดกกันแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งมรดกให้ฝ่ายโจทก์ตามสัญญา ขอให้บังคับจำเลยแบ่งมรดกตามสัญญาหากแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินแบ่งกันตามส่วน ต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญให้โจทก์ทั้งสามคนละ5 ไร่ ให้จำเลยแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โจทก์ที่ 3กึ่งหนึ่ง ให้จำเลยแบ่งบ้านเลขที่ 5 และเลขที่ 6 ให้โจทก์ทั้งสามคนละหนึ่งในสี่ส่วน หากแบ่งทรัพย์ข้างต้นแต่ละรายการไม่ได้ให้เอาออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ทั้งสามตามส่วนที่มีสิทธิจะได้รับศาลชั้นต้นออกคำบังคับแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามโจทก์ขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ2 แปลง อยู่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านป้อม อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยเนื้อที่รวม 18 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 69 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านป้อมอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย พร้อมบ้านเลขที่ 6 ในที่ดิน โดยอ้างว่าเป็นมรดกของนางไหลเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วน

ผู้ร้องทั้งสองและจำเลยยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของบ้านที่โจทก์ทั้งสามนำยึด เพราะผู้ร้องที่ 1 สร้างขึ้นใหม่แทนบ้านของนางไหลที่ถูกรื้อถอนไปนานแล้ว ทั้งผู้ร้องที่ 1 มีสิทธิครอบครองที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 2 แปลง ที่โจทก์ทั้งสามนำยึดเนื่องจากเมื่อ 15 ปี มาแล้ว ผู้ร้องที่ 1 ซื้อที่ดินดังกล่าวจากนายหวังบัวป้อม เจ้าของเดิมในราคา 40,000 บาท และรับมอบที่ดินครอบครองทำกินตลอดมา ส่วนจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 26 ตำบลนาเชิงคีรีอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งด้านทิศตะวันออกติดที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 2 แปลง ที่โจทก์ทั้งสามนำยึด แต่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 2 แปลง รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยบางส่วน ปรากฏตามแผนที่เอกสารหมายเลข 2 สำหรับผู้ร้องที่ 2มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ที่โจทก์ทั้งสามนำยึดเพราะเมื่อ 50 ปี มาแล้ว ผู้ร้องที่ 2 ซื้อที่ดินดังกล่าวที่มีสภาพเป็นป่าจากนายจอน นางเรียไม่ทราบชื่อสกุล สามีภริยาในราคา 10 บาท แล้วครอบครองสร้างบ้านอยู่อาศัยเรื่อยมา และให้นางไหลน้องของผู้ร้องที่ 2 สร้างบ้านอยู่อาศัยด้วย ผู้ร้องที่ 2 มอบให้นางไหลไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินโดยสัญญาว่านางไหลจะโอนใส่ชื่อผู้ร้องที่ 2 ภายหลัง แต่นางไหลถึงแก่ความตายเสียก่อน ที่ดินและบ้านดังกล่าวจึงมิใช่เป็นมรดกของนางไหล ขอให้ถอนการยึดที่ดินและบ้านดังกล่าว

โจทก์ทั้งสามให้การว่า ที่ดินและบ้านดังกล่าวเป็นมรดกของนางไหล ผู้ร้องที่ 1 เป็นสามีของจำเลยในคดีนี้ มิได้สร้างบ้านที่โจทก์ทั้งสามนำยึดขึ้นมาใหม่ แต่ผู้ร้องที่ 1 อยู่อาศัยในบ้านฐานะบุตรเขยของนางไหล ที่ผู้ร้องที่ 1 ครอบครองที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ2 แปลง ที่โจทก์ทั้งสามนำยึด เป็นการครอบครองแทนทายาทของนางไหลทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ยึดที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย นางไหลครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ที่โจทก์ทั้งสามนำยึดและขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบ มิได้ครอบครอแทนผู้ร้องที่ 2ขอให้ยกคำร้องขอ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องขอ

ผู้ร้องทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

ผู้ร้องทั้งสองและจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์ทั้งสามและจำเลยเป็นทายาทของนางไหล คำน้อย เจ้ามรดก ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญให้โจทก์ทั้งสามคนละ 5 ไร่ ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 69 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านป้อม อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ให้โจทก์ที่ 3 กึ่งหนึ่ง แบ่งบ้านเลขที่ 5 และเลขที่ 6 ให้โจทก์ทั้งสามคนละหนึ่งในสี่ส่วน หากแบ่งทรัพย์ข้างต้นแต่ละรายการไม่ได้ให้เอาออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ทั้งสามตามส่วนที่ตนมีสิทธิจะได้รับ จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ศาลจึงออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 2 แปลง อยู่ที่หมู่ 6ตำบลบ้านป้อม อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่รวม 18 ไร่ 1 งาน76 ตารางวา และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 69 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านป้อม อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยพร้อมบ้านเลขที่ 6 ในที่ดินนั้น โดยอ้างว่าเป็นมรดกของนางไหลเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งแก่โจทก์ทั้งสามและจำเลยตามส่วนมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องทั้งสองและจำเลยว่า ผู้ร้องทั้งสองและจำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขัดทรัพย์คดีนี้หรือไม่ เห็นว่า ในคดีเดิมโจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยให้แบ่งมรดกของนางไหล คำน้อย ให้แก่โจทก์ทั้งสามตามสัญญาแบ่งมรดก ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกบางส่วนให้โจทก์ทั้งสามตามสัญญาแบ่งมรดก หากแบ่งกันไม่ได้ให้เอาออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามจึงขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์พิพาท จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์พิพาทดำเนินการเพื่อแบ่งทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวมเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้โจทก์ทั้งสามและจำเลยจึงมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อกัน กรณีไม่ใช่การร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271ผู้ร้องทั้งสองและจำเลยไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ได้อุทธรณ์ขึ้นมา ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้งสองและจำเลยไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองและจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share