คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2967/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์กับจำเลยเป็นหุ้นส่วนรับจ้างทำงานก่อสร้างจากทางราชการและมีผลกำไรจากการก่อสร้าง โจทก์จึงต้องแบ่งผลกำไรให้แก่จำเลยและเมื่อยอดเงินตามเช็คน้อยกว่าส่วนแบ่งผลกำไรของจำเลย โจทก์จึงต้องชำระเงินคืนแก่จำเลย ดังนี้ เมื่อผู้รับจ้างทำงานก่อสร้างตามสัญญาจ้างดังกล่าวคือห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ซึ่งเป็นนิติบุคคลโจทก์เป็นเพียงหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวซึ่งในการก่อสร้างนั้นหากจะมีกำไรจริง ผู้ที่ได้รับกำไรก็คือห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. จะถือว่าโจทก์มีกำไรไม่ได้เพราะเป็นคนละคนกัน เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวต่างหาก จำเลยหามีสิทธินำหนี้ตามเช็คที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์มาหักหนี้กับโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีถึงวันฟ้องจำนวน 84,680 บาท และดอกเบี้ยของต้นเงิน 81,000 บาท นับจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์กับจำเลยได้ตกลงเข้าเป็นหุ้นส่วนกันเพื่อรับเหมางานก่อสร้างที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสงครามในขณะทำการก่อสร้าง จำเลยได้ขอเบิกเงินจากโจทก์เป็นเงิน 81,000 บาทและจำเลยได้ออกเช็คฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ โดยมิได้ลงวันที่ เดือน ปี และมีข้อตกลงว่าเมื่อรับงานใหม่แล้วก็จะได้นำเช็คฉบับดังกล่าวมาหักกลบลบหนี้กันงานก่อสร้างดังกล่าวได้กำไร 1,500,000 บาท จำเลยมีสิทธิได้เงินจากโจทก์ 750,000 บาท ดังนั้น จำเลยจึงได้มีคำสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็ค และขอแสดงเจตนาเอาเงินตามเช็ค 81,000 บาท หักออกจากเงินที่จำเลยมีสิทธิได้จากโจทก์ 750,000 บาท โจทก์จึงเป็นหนี้จำเลย669,000 บาท ขอให้ยกฟ้องและขอให้โจทก์ใช้เงินจำนวน 669,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดเชิดชูเจริญก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเรือนจำจังหวัดสมุทรสงครามแต่เพียงผู้เดียว ไม่เคยตกลงเข้าเป็นหุ้นส่วนกับจำเลย และที่จำเลยอ้างว่าโจทก์มีกำไรถึง 1,500,000 บาทไม่เป็นความจริง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 81,000บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยเมื่อคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 3,680 บาท ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ในการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดสมุทรสงครามตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3มีกำไรประมาณ 1,500,000 บาท โจทก์จึงต้องนำผลกำไรมาแบ่งให้จำเลยจำนวน 750,000 บาท และเมื่อนำเงินตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 จำนวน81,000 บาท มาหักจากยอดเงินดังกล่าว คงเหลือเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับจำนวน 669,000 บาทนั้น ปรากฏตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3ว่า ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างตามสัญญาจ้างดังกล่าวคือห้างหุ้นส่วนจำกัด เชิดชูเจริญก่อสร้างซึ่งเป็นนิติบุคคล โจทก์เป็นเพียงหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว การรับเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างเป็นเรื่องของห้างหุ้นส่วนจำกัดเชิดชูเจริญก่อสร้าง โจทก์หามีสิทธิได้รับค่าจ้างเป็นส่วนตัวไม่ดังนั้น ในการก่อสร้างดังกล่าว หากจะมีกำไรผู้ที่ได้รับกำไร ก็คือห้างหุ้นส่วนจำกัดเชิดชูเจริญก่อสร้าง จะถือว่าโจทก์มีกำไรไม่ได้เพราะเป็นคนละคนกัน จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการก่อสร้างตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3 ผู้รับจ้างมีกำไรหรือไม่ เพราะแม้ผู้รับจ้างคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเชิดชูเจริญก่อสร้างมีกำไรและจำเลยเป็นหุ้นส่วนในการก่อสร้างกับห้างหุ้นส่วนดังกล่าว ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวต่างหากจำเลยหามีสิทธินำหนี้ตามเช็คที่ต้องชำระแก่โจทก์มาหักหนี้กับโจทก์ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องแย้ง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้จำเลยฎีกาขอให้บังคับโจทก์ตามฟ้องแย้งเท่านั้นมิได้ฎีกาขอให้ยกฟ้องด้วย แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาสำหรับจำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องมาด้วย จำเลยจึงเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเกินมา 2,117.50 บาท”
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่จำเลยเสียเกินมา 2,117.50บาท แก่จำเลย

Share