แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลโดยที่มิได้กระทำต่อหน้าศาลและผู้กล่าวหาให้การปฏิเสธ ศาลจำต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อน การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่สอบปากคำ ด. และผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่ปรากฏว่า ด. ได้สาบานตนหรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 112 ดังนี้ ถ้อยคำ ด. จึงรับฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ ปัญหาว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ถูกกล่าวหามิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2541 นายเด่นชัย ไพลกลาง ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวนางรัชดา ชูพินิจ ผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน โดยนำที่ดินมาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อเป็นหลักประกัน พร้อมยื่นบัญชีทรัพย์ว่ามีราคาประเมิน 600,000 บาท โดยอาศัยหนังสือรับรองราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาโนนสูง ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน ตีราคาประกัน 500,000 บาท ต่อมาจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายเด่นชัยตามสัญญา เมื่อบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานว่าที่ดินมีราคาเพียง 40,000 บาท ศาลชั้นต้นมีหนังสือสอบถามไปยังเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาโนนสูง ได้ความว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาโนนสูง ออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินให้แก่นายเด่นชัยว่ามีราคาประเมินไร่ละ 20,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในเรื่องกู้เงินจากสถาบันการเงินเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2541 อันเป็นวันเดียวกันกับวันที่ออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินที่นำมายื่นประกอบคำร้องขอให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหารู้เห็นในการร้องขอให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน โดยแสดงราคาประเมินหลักประกันอันเป็นเท็จ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) (ที่ถูกมาตรา 31 (1), 33) ลงโทษจำคุก 6 เดือน
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า กรณีนี้เป็นการกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลโดยที่มิได้กระทำต่อหน้าศาล และผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ศาลจำต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อน การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่สอบถามปากคำนายเด่นชัย ไพลกลาง และผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่ปรากฏว่านายเด่นชัยได้สาบานตนหรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112 ดังนี้ ถ้อยคำนายเด่นชัยจึงรับฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ ปัญหาว่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้ถูกกล่าวหามิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวน แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี