คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ชำนาญพอ ขับออกจากทางโทโดยประมาทพุ่งเข้าชนรถยนต์จำเลยที่ขับอยู่ในทางเอกดังนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของผู้ตายฝ่ายเดียว หาใช่เป็น ผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยขับรถยนต์เมื่อจะผ่านทางแยกด้วยความเร็วประมาณ 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินอัตราที่กำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2 โดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังพุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ซึ่งนายพาวสามีของโจทก์ขับขี่ตรงทางแยก เป็นเหตุให้นายพาวถึงแก่ความตาย รถจักรยานยนต์เสียหายใช้การไม่ได้ เป็นการละเมิดซึ่งจำเลยที่ 2 นายจ้างต้องร่วมรับผิดด้วย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน 192,000 บาท

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามทางโทจะตัดข้ามถนนซึ่งเป็นทางเอก โดยมิได้หยุดรอให้รถในทางเอกผ่านไปก่อนแต่กลับออกรถเร่งความเร็วสูงมากพอดีกับรถจำเลยซึ่งแล่นด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้ใช้ความระมัดระวังแล้วผ่านมารถจักรยานยนต์ของผู้ตายจึงพุ่งเข้าชนรถของจำเลย อุบัติเหตุจึงมิได้เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่เป็นความประมาทของผู้ตายฝ่ายเดียว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ผู้ตายก่อขึ้น ค่าสินไหมทดแทนไม่เกิน 33,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกัน จำเลยมีส่วนประมาทด้วยแต่เป็นเพียงส่วนน้อยโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายซึ่งกำหนดรวม120,000 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องร่วมรับผิดเพียงหนึ่งในสี่ส่วนเป็นเงิน 30,000 บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 30,000บาทแก่โจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ชนรถยนต์โดยสารเป็นความประมาทของผู้ตายฝ่ายเดียว พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์โดยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาเป็นยุติแล้วนั้นเหตุที่รถชนกันเป็นผลให้เกิดความเสียหาย คือผู้ตายถึงแก่ความตายและรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่เสียหาย เป็นเพราะผู้ตายขับขี่ไม่ชำนาญพอ ไม่รอให้รถทางเอกไปก่อนโดยประมาทขับรถออกจากทางโทพุ่งเข้าชนรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับอยู่ในทางเอกดังนี้ ความเสียหายดังกล่าวได้เกิดขึ้นจากความผิดของผู้ตายแต่ฝ่ายเดียว หาใช่เป็นผลโดยตรงที่เกิดขึ้นจากการที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์เมื่อจะผ่านทางแยกด้วยความเร็วประมาณ30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงอันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงมิได้กระทำละเมิด ไม่มีเหตุให้จำเลยที่ 2 นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้าง

พิพากษายืน

Share